MTC ผลประกอบการ 3Q65: ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้ว

MTC ผลประกอบการ 3Q65: ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้ว

กำไรสุทธิของ MTC ใน 3Q65 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (-12% QoQ, ทรงตัว YoY) ต่ำกว่าประมาณการของเรา /consensus 13%/12% เนื่องจาก credit cost สูงเกินคาด

ในขณะที่กำไรสุทธิงวด 9M65 อยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท (+3%) คิดเป็น 77% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

 

สินเชื่อจำนำทะเบียนเร่งตัวขึ้น แต่สินเชื่อ H/P ลดลง

พอร์ตสินเชื่อขยายตัว 7% QoQ และ 35% YoY ใน 3Q65 โดยสินเชื่อจำนำทะเบียน (95% ของสินเชื่อรวม) เพิ่มขึ้น 7% QoQ และ 33% YoY ในขณะที่สินเชื่อ H/P ลดลง 1% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 81% YoY ในทำนองเดียวกัน อัตราผลตอบแทนสินเชื่อยังเท่าเดิมอยู่ที่ 18.2% (เท่ากับในไตรมาสก่อนหน้า) ในขณะที่ยังบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินได้ดีที่ 3.7% (เพิ่มขึ้นจาก 3.6% ในไตรมาสก่อนหน้า)

 

NPL เพิ่มเร็วกว่าสินเชื่อ

ในขณะที่สินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่าแข็งแกร่ง แต่ NPLs ยังโตเร็วยิ่งกว่า (+24% QoQ และ +166%?) โดยสัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นเป็น 2.3% ใน 3Q65 (จาก 1.96% ใน 2Q65) โดย NPL ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้บริษัทเพิ่ม credit cost อย่างมากเป็นเกือบ 350bps ใน 3Q65 (จาก ~180bps ใน 2Q65) และเป็นประมาณ 200bps ในงวด 9M65 (จากเพียง 85bps ใน 9M64) ทั้งนี้ การกำหนด credit cost ก้อนใหญ่ทำให้สัดส่วน NPL coverage เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100% (จาก 90% ใน 2Q65)

 

 

… แต่คุณภาพสินทรัพย์ยังมีสัญญาณดี

ถึงแม้ว่า NPLs จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ยังมีสัญญาณดีในเชิงของคุณภาพสินทรัพย์ เพราะอัตราการขยับจากสินเชื่อ stage 1 ไปเป็น stage 2 ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า NPL ในไตรมาสต่อ ๆ ไปจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง

 

เตรียมขยายธุรกิจใหม่ในบริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง”

MTC อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปใน Muang Thai Pay Later ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ให้บริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” โดยบริษัทลูกแห่งนี้เพิ่มทุนจาก 100 ล้านบาทเป็น 1.0 พันล้านบาท

 

คงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 53 บาท (PE ที่ 18.5x)

ถึงแม้ว่าผลประกอบการใน 3Q65 จะต่ำกว่าประมาณการ แต่เรามองว่าน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเห็นสัญญาณดีว่า NPL จะเพิ่มในอัตราที่ชะลอตัวลงในไตรมาสต่อ ๆ ไป และกำไร 9M65 คิดเป็น 77%ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา นอกจากนี้ ถ้าหากบริษัทตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหมือนกับคู่แข่ง จะทำให้ประมาณการกำไรของเรามีอัพไซด์จากประมาณการของเรา และเนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาและซื้อขายที่ค่า PE 15/13 เท่าของกำไรปี 2565/2566 เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 53 บาท (PE ที่ 18.5%)

 

Risks

ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น, yield ถูกกดดัน, สัดส่วน D/E เพิ่มขึ้น, NPL เพิ่มขึ้นและกันสำรองเพิ่มขึ้น.