EXIM BANK ตั้งเป้าขยายสินเชื่อคงค้างเป็น 3 แสนล้านในปี 70

EXIM BANK ตั้งเป้าขยายสินเชื่อคงค้างเป็น 3 แสนล้านในปี 70

EXIM BANK ประกาศจุดยืนใหม่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” เดินเกมรุกปั้นผู้ส่งออกและนักลงทุนในอุตสาหกรรม BCG เชื่อมโยง Supply Chain โลก ตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อคงค้างเป็น 3 แสนล้านบาทภายในปี 2570

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงานประกาศจุดยืนและบทบาทใหม่ “EXIM BANK รวมพลคนกล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” และปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ถอดรหัสความกล้า พลิกโฉมประเทศไทยในเวทีโลก”โดยกล่าวว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คาดว่าเศรษฐกิจและการส่งออก 3.4% และ 8.1% ตามลำดับ

ในส่วนของภาคการส่งออกยังคงมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยอาศัยบทบาทของหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งการขยายบทบาทของ EXIM BANK ในการผลักดันให้เกิดมูลค่าการค้าและการลงทุนที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ต้องอาศัยการพัฒนารากฐานภายในประเทศ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบที่เอื้อต่อการสร้างระบบนิเวศการค้าการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ บรรยากาศส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต สอดรับกับเมกะเทรนด์โลก ประกอบกับการเร่งสร้าง Entrepreneurship DNA ให้คนไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการเติมความกล้าที่จะไม่จำกัดอยู่แค่ตลาดภายในประเทศ กล้าบุกตลาดโลกที่มีโอกาสใหม่ ๆ อีกมาก และใช้จุดแข็งของกิจการต่อยอดและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

ในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอย่าง EXIM BANK เพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตลอด Supply Chain ให้เติบโตได้มั่นคงและยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) ได้ ต้องใช้ “ความกล้า” เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดมิติใหม่ขององค์ความรู้ โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เครือข่ายธุรกิจ การถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน และ SMEs ให้สามารถปรับตัวให้ก้าวทันโลก ทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสรักษ์โลก และความยั่งยืน และผู้ประกอบการไทยต้องกล้าเปลี่ยนกรอบความคิด (Mindset) ตัวตน (Identity) และโมเดลธุรกิจ (Business Model)

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า จากปัญหาในเชิงโครงสร้างของประเทศไทยที่พึ่งพาอุตสาหกรรมเก่า อาทิ รถยนต์สันดาป คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของการส่งออกรวม การส่งออกสินค้าไฮเทคมีเพียง 27% และอยู่ระหว่างการพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรม BCG

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และ 90% ของประชากรทั้งประเทศมีเงินออมอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ ผู้ประกอบการภายในประเทศส่วนใหญ่ยังไม่กล้าออกไปค้าขายหรือลงทุนในตลาดต่างประเทศ จำกัดอยู่ในธุรกิจเดิม ๆ มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถสร้างแบรนด์ไทยให้ติดตลาดโลกได้ EXIM BANK จึงขานรับนโยบายของกระทรวงการคลัง เดินหน้าขยายบทบาทการเป็นผู้นำ (Lead Bank) ที่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย (One Step Ahead for All Development)” สร้างนักรบเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในเวทีโลก โดยใช้ 3 เครื่องมือใหม่ ได้แก่
1.บริการสร้างตัวตนแบบครบวงจรให้ SMEs ไทยในเวทีโลก ด้วยเครื่องมือทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงิน ตั้งแต่การให้ข้อมูล บ่มเพาะ อบรมสัมมนา และให้บริการทางการเงินที่ครบถ้วน เพื่อช่วยให้เกษตรกรรุ่นใหม่ วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพ และผู้ประกอบการรายย่อย สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจาก Nobody เป็น Somebody ในตลาดโลกได้
2.บริการสร้างโอกาสการลงทุนในต่างแดน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางที่มีศักยภาพ (Amazing M) ในการออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างฐานการผลิตและขยายเครือข่ายทางการค้า
3. บริการยกระดับธุรกิจไทยสู่ BCG Model มุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำตามนโยบายรัฐบาล สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยตั้งแต่รายย่อย รายกลาง ไปจนถึงรายใหญ่ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ร่วมขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจ BCG ในประเทศไทย เชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลก โดย EXIM BANK พร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนและพัฒนาเครื่องมือทางการเงินเพื่อระดมทุนไปใช้สนับสนุนธุรกิจ BCG ของไทย
ทั้งนี้ เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา EXIM BANK ได้ดำเนินบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย โดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์กรในปี 2536 และเปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 2537 เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา EXIM BANK ได้มีบทบาทชัดเจนขึ้นในการ “รับความเสี่ยง” “ให้กำเนิดอุตสาหกรรมใหม่” และ “หนุนทุนไทยไปต่างแดน” ด้วยปณิธานของความ “กล้า” ที่จะสนับสนุนความฝันของคนไทยและประเทศไทยให้เป็นจริง

ความกล้าปรับเปลี่ยนองค์กร (Transformation) ของ EXIM BANK อาทิ การใช้มาตรฐานทางการเงินใหม่อย่าง IFRS9 ซึ่งนับเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) แห่งแรกที่นำหลักเกณฑ์มาตรฐานทางบัญชี IFRS9 มาใช้ การปรับ Portfolio ให้มีความสมดุล รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งการขยายบทบาทสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับ BCG อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม และอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มสูง การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้รุกไปยังตลาดใหม่ (New Frontiers) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างตลาดหลักและตลาดใหม่ การสนับสนุนผู้ประกอบการทุกขนาดธุรกิจ รวมทั้ง “บุคคลธรรมดา” ให้เข้าสู่ Supply Chain การส่งออกได้ ด้วยนวัตกรรม “สินเชื่อเอ็กซิมสร้างธุรกิจเพื่อบุคคลธรรมดา”

สำหรับผลการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 51,243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นวงเงินของผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 12,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสินเชื่อคงค้าง 159,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,137 ล้านบาท หรือ 8.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ณ 20 ตุลาคม 2565 สินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 162,513 ล้านบาท คาดว่าภายในปี 2565 จะทะลุ 165,000 ล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินงาน โดย EXIM BANK ตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อคงค้างเป็น 300,000 ล้านบาทภายในปี 2570