BPP ประมาณการ 3Q65F: ผลการดำเนินงานน่าประทับใจ

BPP ประมาณการ 3Q65F: ผลการดำเนินงานน่าประทับใจ

ประมาณการ 3Q65F – โครงการหลัก ๆ ดีขึ้นเป็นส่วนใหญ่ BPP น่าจะส่งงบ 3Q65F ในวันที่ 10 พ.ย. โดยเราคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.2 พันลบ. (+48% QoQ, +202%YoY) และมีกำไรหลัก 2.7 พันลบ. (+288% QoQ, +345% YoY)

โดยคาดว่าจะมีกำไรก้อนใหญ่จาก FX และเครื่องมือทางการเงินของ Temple I ในขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานของ Temple I จะแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง high season (มิถุนายน-กันยายน) ซึ่งจะช่วยชดเชยผลขาดทุนจากการดำเนินงานของ CHPs (เนื่องจากราคาถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น ~RMB1,200/ตัน) ซึ่งทำให้ GPM พุ่งขึ้นมาเป็น 21% (จาก 11%ใน 2Q65) สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือ เราคาดว่า i) ผลการดำเนินงานของ BLCP และหงสาจะดีขึ้นเนื่องจาก run rate สูงขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าลง ii) ผลขาดทุนจาก Banpu NEXT จะลดลง iii) SLG ซึ่งตามปกติจะมีผลขาดทุนน่าจะขาดทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นใน 3Q65 (จากที่ขาดทุนสุทธิ 233 ล้านบาทใน 2Q65) เพราะ run rate สูงขึ้น และต้นทุนถ่านหินลดลงอย่างมากจากการทำสัญญาระยะสั้นกับเหมืองถ่านหินตามที่เราระบุเอาไว้ในบทวิเคราะห์ฉบับที่แล้ว

 

ปรับประมาณการเพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

ถึงแม้ BPP จะไม่ได้รับผลกระทบจากกอุปสงค์ในจีนฟื้นตัวช้า แต่บริษัทได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น ดังนั้น เราจึงปรับลดกำไรหลักปี 2565-2567F 19-28% สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (Figure 2) ทั้งนี้หนี้ของ BPP มีส่วนที่เป็นสกุล USD 10% และสกุล JPY 10% ในขณะที่หนี้ประมาณ 75% ของหนี้ทั้งหมดคิดดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งส่วนใหญ่อิงอยู่กับ LIBOR, BIBOR และ THBFIX เรามองว่ากำไรหลัก BPP อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยคาดว่าจะโต 31% YoY / 14% YoY / 3% YoY ในปี 2565-2567F เพราะได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นของ SLG และ CHPs รวมถึงราคาถ่านหินในจีนที่ลดลง และการฟื้นตัวของอุปสงค์จากการผ่อนคลายมาตรการ lockdown

 

 

 

ประมาณการ 4Q65F – กำไรจะลดลงตามฤดูกาล ยกเว้น SLG และ CHPs

เราคาดว่ากำไรหลักใน 4Q65F จะลดลง QoQ จากเป็นช่วง low season ของโครงการ Temple I และมีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหงสาตามแผน ซึ่งจะถูกชดเชยบางส่วนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นของ CHPs (high season) และ SLG (run rate ดีขึ้น และราคาถ่านหินถูก) ทั้งนี้ เนื่องจาก SLG เป็นโรงไฟฟ้า IPP ขนาดใหญ่ในจีน BPP แจ้งว่าจะได้ทำสัญญาถ่านหินราคาถูก (~RMB700-800/ton ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดที่ RMB1,200/ton (มีส่วนลด ~30-40%)) ต่อไปจนถึงประมาณ 1H66 และคาดว่าจะมีการต่อสัญญาออกไปอีก ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของ SLG พลิกกลับมาเป็นบวกได้ และส่งผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นมาที่ BPP โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2566

 

Valuation & Action

เรายังแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ที่ 17 บาท ลดลงจากเดิมที่ 18.40 บาท เราคาดว่าราคาหุ้น BPP น่าจะเร่งตัวขึ้นตามผลการเนินงานที่ดีขึ้นของโครงการหลัก ๆ ซึ่งนำโดย SLG และ CHPs นอกจากนี้ เรายังมองว่านักลงทุนส่วนใหญ่ under-own หุ้น BPP

 

Risks

มีการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, cost overrun, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย