ประมาณการ GDP สหรัฐดีกว่าคาด (28 ต.ค. 2565)

ประมาณการ GDP สหรัฐดีกว่าคาด (28 ต.ค. 2565)

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเร่งตัวขึ้นในภาคบ่าย จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และการเงิน โดยนักลงทุนจับตาการประชุม ECB และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 3Q65 (ประมาณการเบื้องต้น) โดยตลาดคาด เติบโต 2.4%

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,602.75 จุด +6.29 จุด +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 64,424 ลบ. ต่างชาติ +2,461.51 ลบ. TFEX +29,386 สัญญา ตราสารหนี้ -878.51 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 194.17 จุด +0.61% หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับ GDP ประจำไตรมาส 3 ขยายตัว 2.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3% พลิกบวกจากหดตัวสองไตรมาสที่ผ่านมา ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 89.08 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
+นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า FEDจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 13-14 เดือนธ.ค. หลังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 51.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จากเดิม 75% และให้น้ำหนักเพียง 42.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
+ IEA เปิดเผยว่า การส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียที่ลดลงหลังจากการบุกโจมตียูเครนในปีนี้จะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์พลังงานทั่วโลกเป็นเวลาหลายทศวรรษ และสามารถช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
+ ททท. มีแผนดำเนินมาตรการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น ทำให้ไทยเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยวอีกครั้งในปี 66 และจัดโปรโมชั่น กลางปี 66 โดยกลับไปทำโรดโชว์ เทรดโชว์ ให้ครบเกือบทุกตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลับมาให้ใกล้เคียงก่อนการระบาดของโควิด-19

 

ปัจจัยลบ 

 

 

+/- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 1.50% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2552ตามการคาดการณ์ของตลาด
- สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%
- ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เฝ้าสังเกตการณ์การซ้อมรบทางทหารซึ่งจำลองการตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่ารัสเซียจะเพิ่มการโจมตี ขณะที่การสู้รบกับยูเครนยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 9 แล้ว
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 223,000 ราย


แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้แกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับ GDP ประจำไตรมาส 3 ขยายตัว 2.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนยังจับตาการรายงานตัวเลข PCE เดือนก.ย. วันนี้ คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,596-1,607 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA DPAINT COTTO DCC TASCO
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL KBANK
• ลุ้น ครม. คนละครึ่งเฟส 6 และ เราเที่ยวด้วยกัน : TNP KK ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA AAV BA AOT
• ตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. ขยายตัว : TU GFPT TFG ASIAN

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                                BM “ ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี66 เท่ากับ 5.26 บาท
                                            "คาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิปี 66 ทำจุดสูงสุดใหม่"

•คาดการณ์กำไรงวด 3Q65 เท่ากับ 27 ลบ. เติบโต 14%QoQ แต่ลดลง 21%YoY: ฝ่ายวิจัยประมาณการรายได้ งวด 3Q65 ราว 327 ลบ. เติบโตราว 35%YoY ทรงตัว QoQ เนื่องจากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสถานการณ์ โควิด-19 รายได้เติบโตจากธุรกิจ Metal Trunking & White Conduit งานหมวด Communication Racks, Cabinet & Enclosures และธุรกิจส่งออก ที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า โดย YTD (20 ต.ค. 65) ค่าเงินบาทอ่อนค่า ราว 15% คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 19.4% ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิราว 27 ลบ.เติบโต 14%QoQ แต่หดตัว 21%YoY

•คาดการณ์กำไรปี 65 และปี 66 เติบโต 12%YoY และ 11%YoY ตามลำดับ: คงประมาณการรายได้ในปี 65 ที่ 1,289 ลบ. เติบโต 15%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจส่งออกที่เห็นแนวโน้มเติบโตดี จากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ผ่อนคลาย และเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่คาดว่าลูกค้าในกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะเติบโตเล็กน้อย สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ 18.3% จากราคาเหล็กที่คาดว่าผ่านจุดสูงสุดแล้วขณะที่คาดการณ์อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (%SG&A/Sales) ที่ 11.7% ส่งผลให้เราคาดกำไรในปี 65 ตามประมาณการเดิมที่ 82.8 ลบ. เติบโต 12%YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 6.4% สำหรับปี 66 คาดการณ์รายได้ ที่ 1,418 ลบ. เติบโต 10%YoY จากธุรกิจส่งออก และความชัดเจนในงานผลิตเพื่อการส่งออกสินค้าในเขตพื้นที่ปลอดอากร (Free Zone) โดยคาด %GPM ที่ระดับ 18.3% ในขณะที่คาด %SG&A อยู่ในระดับ 11.6% ใกล้เคียงเดิม ส่งผลให้เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 เท่ากับ 91.9 ลบ. เติบโต 11%YoY

•แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 5.26 บาท: ในการประเมินมูลค่าเหมาะสมซึ่งอิง Prospective PER ที่ระดับ 33.4x (P/E Band ย้อนหลัง 5 ปีที่ระดับค่าเฉลี่ย) ขณะที่ PER ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 27x โดยคาดกำไรต่อหุ้นปี 66 ราว 0.157 บาท (Fully Diluted) คำนวณเป็นราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 5.26 บาท ซึ่งมี upside จากราคาปิดราว 12%

 

หุ้นมีข่าว

(+) STARK ( Bloomberg Consensus - บาท) เคลียร์ความเข้าใจผิดหลังเข้าซื้อธุรกิจสายไฟ ยานยนต์ LEONI ชี้ยุโรปมีปัญหาไม่กระทบเหตุเป็นรายได้ระยะยาว โมเดลรถซื้อนาน 5-7 ปี แถมรายได้ยุโรปคิดเป็น 50% เท่านั้น ได้จีน เม็กซิโก ที่เติบโตอีกสัดส่วน 50% ส่วนค่าเงินจัดการได้ ลั่นธุรกิจกำไรคุ้มไดลูท 12% ลั่นปีหน้ารายได้โดด 8 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JWD ( Bloomberg Consensus 23.50 บาท) ชี้หลังควบรวม "เอสซีจี โลจิสติกส์" หนุนรายได้ปี 2566 ก้าวกระโดดเป็นราว 2.8 หมื่นล้านบาท รับฐานธุรกิจกว้างขึ้น พร้อมเล็งเปลี่ยนชื่อหุ้นเป็น "SJWD" คาดชัดเจน Q1/2566 แถมวางหมากดันมาร์เก็ตแคปสู่ 1 แสนล้านในปี 2570 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PRM (Bloomberg consensus 8.20 บาท) ประเมินแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/2565 โดดเด่น ชี้กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ และกลุ่มเรือ Offshore Support ขยายตัว ด้วยอัตราการใช้เรือเต็ม 100% จากความต้องการใช้เรือเพิ่มขึ้นในตลาดโลกและสัญญาระยะยาวฉบับใหม่ ทำให้บริษัทมีรายได้สม่ำเสมอ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) QTC (Bloomberg consensus - บาท) QTC ควง UAC เปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้า ภายใต้บริษัทร่วม PPWE 2 สถานีแรก 4 หัวชาร์จ ยึดเส้นทางประตูสู่อีสาน จากเฟสแรกที่วางเป้าหมายจะเปิดทั้งหมด 4 สถานี หรือ 14 หัวชาร์จ เล็งขยายเพิ่มอีก 50 สถานี รวม 150 หัวชาร์จครอบคลุม ทั่วประเทศ (ที่มา ทันหุ้น)