CIMBT ชู ‘สตรัคเจอร์โน๊ต’ คุ้มครองเงินต้น100% 5วันกวาด5พันล้าน

CIMBT ชู ‘สตรัคเจอร์โน๊ต’ คุ้มครองเงินต้น100% 5วันกวาด5พันล้าน

หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง” ยอดเสนอขายทะลุ 1 แสนล้านบาท เป็นครั้งแรกในปี 2565 ล่าสุด ​ซีไอเอ็มบี ไทย เสนอขาย Star Product ของธนาคาร “MAXI V-PLUS” หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอ้างอิง อายุ 2 ปี คุ้มครองเงินต้น100% ขาย5วัน กวาดเม็ดเงินแล้ว5พันล้าน

       ​“หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง” หรือสตรัคเจอร์โน๊ต ถือเป็นโปรดักต์การลงทุน ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมียอดเสนอขายทะลุ 1 แสนล้านบาท เป็นครั้งแรกในปี 2565 นอกจากเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทน หรือดอกเบี้ยที่สูงกว่า “เงินฝาก” อีกจุดเด่นที่ดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุน เพราะบางผลิตภัณฑ์ของสตรัคเจอร์โน๊ตคุ้มครองเงินต้นแบบ100% ซึ่งมีสัดส่วนการเสนอขายที่เติบโตขึ้นชัดเจนในภาวะตลาดการลงทุนในปัจจุบัน

​      การคุ้มครองเงินต้น100% ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน ทำให้การลงทุนยากลำบาก และอาจกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนได้ ดังนั้นจะดีกว่า หากทุกการลงทุนถูกการันตีด้วยการคุ้มครองเงินต้นครบทุกบาททุกสตางค์!

        ​“ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย” ถือว่าเป็นแบงก์แรกๆที่มีการนำ “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง”หรือสตรัคเจอร์โน๊ตออกมาขายสู่ตลาดด้วยความเชี่ยวชาญ ในการออกแบบผลิตภัณฑ์การลงทุนในรูปแบบต่างๆที่ตอบโจทย์นักลงทุน ทำให้ไม่แปลกใจที่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ถือเป็นผู้นำในตลาดสตรัคเจอร์โน๊ต

      ​เพา จาตกานนท์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจบริหารเงิน ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ล่าสุด ธนาคารได้มีการ เสนอขาย Star Product ของธนาคาร “MAXI V-PLUS” หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอ้างอิง Compounded THOR ระยะเวลา 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรภาคเอกชนระยะข้ามคืน หรือ Thai Overnight Repurchase Rate (THOR) อายุ 2 ปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน 

       จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือ การคุ้มครองเงินต้นแบบ 100% ทำให้การันตีได้ว่า เงินทุกบาทที่ลงทุนไป จะได้ผลตอบแทนกลับมาทุกบาท แถมมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก สูงสุด 2-4%ต่อปี

      สำหรับการ “จัดพอร์ต” หรือการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ในช่วงที่ตลาดเงินตลาดทุนผันผวน ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการลงทุน เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แม้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัว โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3-3.5% แต่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงสูง จากแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย

     ทำให้หลายธนาคารกลางในประเทศต่างๆเร่งปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เหล่านี้ทำให้นักลงทุนเผชิญกับความเสี่ยงและความผันผวนในการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก  ดังนั้นด้วยสถานการณ์ดังกล่าว “ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย”จึงมองว่า เป็นจังหวะที่เหมาะในการออกผลิตภัณฑ์ “MAXI V-PLUS” หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง เพื่อช่วยนักลงทุนลดความเสี่ยงในการลงทุนได้

     ภิสัก อึ้งถาวร  ผู้บริหารฝ่ายวิจัยตลาดเงินและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจบริหารเงิน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า จากตลาดเงินตลาดทุนที่ผันผวนสูงขึ้น เราแนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ต โดยเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์การลงทุนที่มีความปลอดภัยมากขึ้น มากกว่าเน้นผลตอบแทนที่หวือหวา ทำให้ตั้งแต่เปิดการขาย MAXI V-PLUS ในเดือน ต.ค. เป็นเวลา5วัน พบว่า มียอดเข้ามาลงทุนผ่าน “MAXI V-PLUS” แล้วกว่า 5,000 ล้านบาท 

    แม้การลงทุนในหุ้นกู้อนุพันธ์ครั้งนี้ จะมีผลตอบแทนเพียง 2-4% แต่ลูกค้าชอบและมองว่าเป็นการลงทุนที่ “เหมาะสม” ภายใต้ความผันผวนสูงเช่นนี้ เพราะต้องการ “เซฟ”เงินต้น และมองว่าเป็นแหล่งพักเงินระยะสั้น ในช่วง 2ปีนี้ ที่ฝุ่นยังตลบ

    ก่อนหน้านี้ ธนาคารได้มีการเสนอขาย “สตรัคเจอร์โน๊ต” แบบคุ้มครองเงินต้น 100% มาแล้ว โดยกำหนดระยะเวลาการถือครอง 5ปี และกำหนดว่าธนาคารสามารถเรียกคืนก่อนกำหนดได้ แต่ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ธนาคารนำมาปัดฝุ่น เพื่อให้ตอบโจทย์นักลงทุนมากขึ้น โดยการลดทั้งเวลาการถือครองเหลือ 2 ปี และลดเงื่อนไข โดยการยกเลิกเกณฑ์การเรียกคือก่อนกำหนดได้ ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า สินทรัพย์ที่ลงทุนสามารถให้ผลตอบแทนได้ต่อเนื่องตลอด 2ปีนี้

     อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆนี้ ซีไอเอ็มบีไทย เตรียมเสนอขาย “MAXI V-PLUS” หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงเพิ่มเติมอีก 5,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาต หรือไฟลิ่งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ทำให้ปีนี้มูลค่าเสนอขาย MAXI V-PLUS เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ 10,000 ล้านบาท