เปิดมุมมองตลาด Web3 เชื่อม‘การเงิน&เทคโนโลยี’เติบโต

เปิดมุมมองตลาด Web3  เชื่อม‘การเงิน&เทคโนโลยี’เติบโต

ระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) ในยุค Web 3.0 ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกับแพลตฟอร์มด้านการให้กู้ กู้ยืมหรือเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับธนาคาร หรือ สถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำเงินออกมาลงทุนหรือใช้ในกรณีต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีย่อมมีความท้าทายในด้านต่างๆ

นายพุฒิกานต์ เอารัตน์ กรรมการผู้จัดการ และ Cheif Digital Asset บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ความท้าทายของ “เทคโนโลยีบล็อกเชน” คือเรื่องการเข้าถึงของคนทั่วไป ซึ่งการที่จะพัฒนาไปยังเทคโนโลยี Web 3.0 ที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายได้ จะต้องมีจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกปัจจุบันและดิจิทัลไฟแนนซ์ เพื่อบรรลุถึง “ดิจิทัลแอสเสท” ได้

โดย บริษัท โทเคนเอกซ์ หรือ Token X บริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษาออกเหรียญโทเคนดิจิทัล ICO portal และโทเคนไนเซชั่น นั่นถือเป็นจุดแรกในการส่งเสริมตลาดพร้อมกับสร้างยูสเคสเพื่อเปลี่ยนสินทรัพย์ที่จับต้องได้หรือระบบการเงินแบบดั้งเดิม ให้กลายเป็น “ดิจิทัลไฟแนนซ์”

หากกลับมามองยูสเคสในตลาดปัจจุบัน ส่วนมากจะพูดถึงดิจิทัลแอสเสทในรูปแบบ DeFi , GameFi , เอนเตอร์เทนนิ่งและไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญในการเปลี่ยนผ่าน ให้สิ่งเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น เงินเฟียต เงินบาท หรือเงินดอลลาร์ ที่ตลาดการเงินจะต้องพัฒนาและส่งเสริมเพื่อก้าวเข้าสู่จุดนั้น

เปิดมุมมองตลาด Web3  เชื่อม‘การเงิน&เทคโนโลยี’เติบโต

อนาคตตลาดเวป 3 เติบโต

ในแง่ของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยมีพัฒนาการมาหลาย 10 ปี มีคนเปิดบัญชีในตลาดหุ้นราว 2-3 ล้านคน ส่วนด้านตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่เริ่มเป็นที่รู้จักตลอดช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา มีผู้เปิดใช้งานบัญชีในไทยราวๆ 4 ล้านคน ถือเป็นโอกาสที่ดีทำให้คนที่เคยลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิม เข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น มีโอกาสให้เข้าถึงความรู้ซึ่งเราเป็นตัวกลางที่ดี ทำให้ทุกธุรกิจในสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตเร็วขึ้น

ถือเป็นจังหวะที่ดีท่ามกลาง“คริปโทวินเทอร์” ช่วยคัดกรองสินทรัพย์ที่มีศักยภาพที่สามารถผ่านตลาดในช่วงขาลงมาได้ สิ่งสำคัญในการเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนคือการมองผู้ประกอบการที่มีความเข้มแข็งและยูสเคสตั้งแต่ช่วงจุดเริ่มต้นของตลาดในปี 2564 จนถึงช่วงตลาดขาขึ้นและขาลงที่ราคามีการเคลื่อนไหวอย่างสมเหตุสมผล

รวมทั้งการจัดพอร์ตการลงทุนที่ควรกระจายความเสี่ยงไปยังกองทุน หุ้นต่างประเทศ หรือแม้แต่ตลาดหุ้นไทยที่มีจังหวะในการลงทุนที่ต่างกัน พร้อมกับศึกษาข้อมูลในตลาดเช่น คริปโทมายด์รีเสิร์สเป็นหนึ่งในเครื่องมือของนักลงทุนรายเล็กและรายย่อยที่ดี และการประเมินความเสี่ยงในการลงทุนทั้งดูเงินลงทุนของตนเองและการทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนเปิดบัญชีลงทุน

นายพุฒิกานต์ กล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่มีอินฟราสตรักเจอร์ใหม่ๆ และเทคโนโลยีมีคนเข้ามาใช้งานมากขึ้น โอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ๆก็จะเกิดขึ้นมา จนถึงยุค web3 ที่มีพื้นฐานมาจาก “บล็อกเชนและคริปโท” หากนำมาปรับใช้ในธุรกิจการเงิน ขณะที่การเงินแบบดั้งเดิมและการลงทุนดั้งเดิมมีมูลค่าการลงทุนกว่าล้านล้านบาทต่อปี พร้อมกับที่ฝั่งดิจิทัลเอสเสทมีมูลค่าการลงทุนในหลักหนึ่งพันล้าน ถ้าเราสามารถโทเคนไนซ์และดิจิไทซ์ คริปโท ไปสู่สินทรัพย์ที่จับต้องได้ อาจมีโอกาสเติบโตมหาศาล ที่อาจมากกว่า 100 เท่า

สร้างการยอมรับผลักดันตลาด

นายอดิรุจ นิธิ เลิศวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้ง 100X ธุรกิจรับเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำปัญหา เกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการเงิน กล่าวว่า เทคโนโลยี Web 3.0 มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จาก 2 ปีก่อนที่ตลาดยังไม่มีการลงทุนและยูสเคสใดๆ เลย แต่ช่วงเวลาแค่ 1 ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพมีการสร้างโปรดักต์ โปรโตคอลใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากมายในปีเดียว ทำให้มีเม็ดเงินในตลาดนี้กว่า 1 แสนล้าน และคาดว่าจะเติบโต 30 เท่าในปี 2573 รวมทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้ยูสเซอร์หรือผู้ใช้บริการเข้าถึงบริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าในยุค web 2.0 อย่างมาก

หากพูดถึงยูสเคสบนโลก DeFi มีครบทุกรูปแบบให้เห็นแล้ว ทั้งการกู้ยืมเงิน การเป็นเอ็กเชนจ์ หรือการเทรดแบบฟิวเจอร์ส หากแบ่งระดับของโลก DeFi ในเลเวล 0 คือการมีโทเคนและวอลเล็ตแอดเดรส ถัดมาคือเวเวลที่ 1 การมีเลนดิ้งมาร์เก็ต และเลเวลที่ 2 คือการมียีลด์ฟาร์มมิ่ง แต่พบว่าทุกอย่างเกิดขึ้นในโลกสเหมือนมากกว่าโลกความเป็นจริง และสิ่งที่เกิดขึ้นในเลเวล 0 เช่นโทเคนหรือเหรียญคริปโทยังคงเป็นสินทรัพย์ในตลาด แต่ถ้ามองถึงสเตเบิลคอยน์ที่ใช้สินทรัพย์มาอ้างอิงราคาในโลกของความเป็นจริง ซึ่งมีไม่มีเจ้าในตลาด เช่น ธีเธอร์ ยูเอสดีซี และไบแนนซ์

Web 3.0 จะเติบโตไป 3-4 ปีข้างหน้า สถาบันการเงินควรเข้ามามีบทบาทและสร้างอินฟราสตรัคเจอร์เพื่อสร้างโทเคนออกมาในตลาด หรืออยากเห็นรัฐบาลสักหนึ่งประเทศตัดสินใจสร้างเงินเฟียตบนบล็อกเชนที่มีความแข็งแรง ถือเป็นการสร้างการยอมรับในตลาด ทำให้นักพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินสามารถคิดค้นและสร้างผลิตภัณฑ์ต่อยอดได้อีกมากมาย