วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (7 ต.ค. 65)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (7 ต.ค. 65)

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่ม หลังกลุ่มโอเปคพลัสมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปี

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1% หลังกลุ่มโอเปคพลัสได้มีมติปรับลดกำลังการผลิตลงกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการปรับลดอัตราการผลิตในครั้งนี้ ถือเป็นการปรับลดที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสถานการณ์อุปทานตึงตัวในตลาด และอาจส่งผลกระทบต่อปัญหาเงินเฟ้อในที่สุด อย่างไรก็ดี ได้มีการคาดการณ์ว่าการลดอัตรากำลังการผลิตจริง อาจน้อยกว่าตัวเลขที่ตกลงกันในที่ประชุม โดยตลาดคาดการณ์ว่า กำลังการผลิตอาจปรับลดลงราว 1 - 1.1 ล้านบาร์เรลเท่านั้น และกว่าครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตลดลงนั้นจะมาจากซาอุดิอาระเบีย  

+ โกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้นจากการที่กลุ่มโอเปคพลัสประกาศลดกำลังการผลิต โดยปรับขึ้นที่ระดับ 104 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในปี 2565 และ 110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในปี 2566 ซึ่งสอดคล้องกับธนาคารกลางสหรัฐฯ และ มอร์แกน สแตนลีย์ ที่ได้มีการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเช่นกัน

- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ แสดงความผิดหวังต่อแผนการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคพลัส และกล่าวว่าสหรัฐฯ กำลังมองหาวิธีป้องกันไม่ให้ราคาขึ้นสูงจนเกินไป และอยู่ในระหว่างการพิจารณาปรับลดปริมาณน้ำมันคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ลง เพื่อแก้ไขปัญหาอุปทานตึงตัวที่อาจเกิดขึ้นหลังการลดกำลังการผลิต
 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ แม้ว่าตัวเลขน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ จะปรับลดลงใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี ในขณะที่อุปสงค์ในอินเดียยังปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงสนับสนุนจากเทศกาลดุชเซห์รา


ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคที่ยังคงตึงตัวในช่วงการซ่อมบำรุง ประกอบกับอุปสงค์ที่ปรับสูงขึ้นเพื่อรองรับการใช้ในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงจับตาดูการประกาศโควต้าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของจีนอย่างใกล้ชิด 

 


 

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (7 ต.ค. 65)