บล.กสิกรไทย มองหุ้นไทยดูดีกว่าสหรัฐ-ยุโรป พร้อมแนะ 4 ธีมน่าลงทุน

บล.กสิกรไทย มองหุ้นไทยดูดีกว่าสหรัฐ-ยุโรป พร้อมแนะ 4 ธีมน่าลงทุน

บล.กสิกรไทย มองตลาดหุ้นไทย Outperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป เนื่องจากมีโอกาสการเกิด Recession น้อยกว่า และน่าจะได้เห็นการปรับเพิ่มจีดีพีและ EPS พร้อมแนะ 4 ธีมลงทุนน่าสนใจ ได้แก่ เปิดประเทศ, ดอกเบี้ยขาขึ้น, คาร์บอน เครดิต และเลือกตั้ง

บล.กสิกรไทย ระบุว่า หลังจบการประชุม Fed รอบล่าสุด (20-21 ก.ย.) ตลาดคง wait&see รอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่างๆ โดยเฉพาะรอตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศวันที่ 13 ต.ค. จะชะลอลงมากน้อยแค่ไหน? หลังเงินเฟ้อเดือนล่าสุด อยู่ที่ 8.3% YoY  

โดย KS คาดว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่คาดจะไม่ปรับลงแรง โดยยังถูกหนุนจากฝั่งภาคอสังหาฯ ทั้งนี้ ประเมินว่าในระยะสั้นประเด็นที่ตลาดหุ้นให้น้ำหนักคือ เรื่อง Recession ในฝั่งยุโรป สหรัฐ  และความเสี่ยง Geopolitics Risk รัสเซีย- ยูเครน  ทำให้ตลาดหุ้นโลกคาดจะแกว่งตัว Sideway 

อย่างไรก็ตามในฝั่งตลาดหุ้นไทย KS ยังคงมุมมองเดิมไม่เปลี่ยน คือ คาดตลาดหุ้นไทยจะยัง Outperform เมื่อเทียบกับในฝั่งสหรัฐและยุโรป เนื่องจากไทยมีจุดเด่นทั้ง

1.)โอกาสการเกิด Recession ต่ำกว่า  

2.) ยังเห็น Trend การ Upgrade ทั้ง  GDP  และ EPS ฯลฯ 

 

ธีมการลงทุนที่มีปัจจัยบวก  

1.) การเปิดประเทศของญี่ปุ่น/ฮ่องกง/ไต้หวันและไทย คาดจะมี Sentiment บวก AOT, AAV, BA, AWC, ERW, EKH     

 

2.) คาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในการประชุมที่เหลือของปีนี้ คาดดอกเบี้ยนโยบายปลายปีที่ 1.25% (เดิมคาด 1% หรือขึ้นเพียง 25bps) จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากเริ่มกระทบเงินเฟ้อ บวกกับปัจจัยภายในประเทศที่ดีขึ้น มองเป็นบวกกับธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ  SCB, BBL 

3.) Carbon Credit หุ้นที่ราคายัง laggard อาทิ KAMART, STA, SSP, BCPG, GUNKUL  

4.) หุ้นรับเลือกตั้ง อาทิ AWC

 

หุ้นแนะนำ

- SCB (ราคาทางพื้นฐาน 152.00 บาท)  

1.) การประชุม กนง. วันที่ 28 ก.ย. ตลาดคาดมีโอกาสจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps อยู่ที่ 1% คาดจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้  MLR ตามมา ประเมินเป็น sentiment บวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุก 25bps จะเป็น upsides ต่อกำไรปี 2566 ของธนาคาร SCB +7%   

2.) โดยจากสถิติก่อนการประชุม กนง. ในรอบที่คาดจะขึ้นดอกเบี้ย อาทิ รอบล่าสุด 10 ส.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารคาดจะ Outperform ก่อนการประชุม กนง. 1 สัปดาห์ปรับขึ้นเฉลี่ย 1.7%  และหลังการประชุม 1 สัปดาห์ปรับขึ้นเฉลี่ย 2%   

- ERW (ราคาทางพื้นฐาน 4.56  บาท)  

1.) คาดจะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศดังกล่าว 

2.) คาดว่า ERW จะพลิกกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาส 4/2565 จากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของ RevPar หลังจากการยกเลิกระบบ Thailand Pass ในเดือนก.ค.

3.) ERW ซื้อขายที่ PER ปี 2567 ราว  28 เท่า ในขณะที่หุ้นโรงแรมส่วนใหญ่ซื้อขายด้วย PER ที่สูงขึ้นในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2562 ในขณะเดียวกันคาดว่าอัตรากำไรปกติปี 2567 จะอยู่ที่ 9.3% เพิ่มขึ้นจาก 7.3% ใน ปี 2562 จากสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้นจาก HOP INN ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มโรงแรมอื่นๆ คาดว่ารายได้จาก HOP INN จะเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2562 เป็น 21% ในปี 2567

 

ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าติดตาม

-26 ก.ย. : ดัชนีธุรกิจภาคการผลิตของธนาคารกลางรัฐดัลลาสของสหรัฐ (ก.ย.)

-27 ก.ย. : ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (เดือนต่อเดือน) (ส.ค.) ของสหรัฐ ตลาดคาด 0.2%MoM รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (CB Consumer Confidence) ของสหรัฐ (ก.ย.) ตลาดคาด 104 จุด ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ ( ส.ค.)

-28 ก.ย. : ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย (เดือนต่อเดือน) (ส.ค.) คาด -4%MoM, สินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐ 

-29 ก.ย. : ดัชนีจีดีพีสหรัฐ(ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2) ตลาดคาด -0.6%MoM, ดัชนีอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคคาดการณ์ยุโรป(ก.ย.)

-30 ก.ย. : ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรม (เดือนต่อเดือน) (ส.ค.) ตลาดคาด 0.2%MoM, ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.ย.) ตลาดคาด 49.2 จุด