เลือกเก็งกำไรรายตัวในจังหวะที่ SET อาจซึมรับการปรับประมาณการเศรษฐกิจ

เลือกเก็งกำไรรายตัวในจังหวะที่ SET อาจซึมรับการปรับประมาณการเศรษฐกิจ

คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% แม้การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกยังเป็นปัจจัยกดดันการอ่อนค่าของเงินบาท ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 2.25% สูงสุดในรอบ 14 ปี นับจากปี 2551

ทั้งนี้ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกยังเป็นปัจจัยกดดันการอ่อนค่าของเงินบาท อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าหากไม่เห็นสัญญาการไหลออกของเงินทุนต่างชาติอย่างชัดเจน ธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่ปรับท่าทีต่อการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากดุลบริการที่ดีขึ้นตามการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้เราประเมิน กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% ในการประชุม 28 ก.ย. 

กลุ่มเปิดเมืองและท่องเที่ยวยังเป็นกลุ่มหลักที่เห็นการฟื้นตัว โมเมนตัมผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มนี้ยังอยู่ในทิศทางเป็นบวกสนับสนุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่ได้ปัจจัยบวกเพิ่มเติมจาก 1) ประชุมศบค.วันนี้ มีแนวโน้มยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน หลังยกเลิกการให้โควิดเป็นโรคติดต่ร้ายแรง โดยลดลงเหลือเพียงโรคที่ต้องเฝ้าระวัง 2) การเปิดประเทศของญี่ปุ่น (11 ต.ค.) และฮ่องกง (เตรียมประกาศนโยบายสัปดาห์นี้) จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มสายการบิน ซึ่งช่วยในการฟื้นตัวของผลประกอบการ ทั้งนี้แม้ประมาณการของเราจะยังไม่คาดหวังนักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมาในเร็วๆนี้ จากการที่จีนยังใช้นโยบาย Zero Covid แต่ตลาดเริ่มคาดจะเห็นการยกเลิกนโยบายดังกล่าวในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหากเร็วกว่านั้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อประมาณการและอัพไซด์ของหุ้นกลุ่มเปิดเมืองและท่องเที่ยว
 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 2) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 3) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  4) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 5) กลุ่มไฟฟ้าแผน PDP ใหม่ บวกกับ EGCO, RATCH, GULF, GUNKUL, SSP 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, MBK, SAMART, TPIPL, ARIN, SVT, TFG, MC, TKN, SCGP, MONO, ONEE, SKE

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวลงในกรอบ 1,600-1,670 จุด อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มหุ้นปลอดภัย หุ้นที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยบวกรายตัว มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ส่วนกลุ่มพลังงานแค่รอเก็งกำไรแนวรับ และเลี่ยงหุ้นโรงกลั่นที่กำไรไตรมาส 3 น่าจะชะลอหนัก   //หุ้นแนะนำ:  ADVANC*, VRANDA*, ASAP*, AAV*

แนวรับ: 1,630 / แนวต้าน : 1,652 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 


 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด - เพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 218,000 ราย

BoE ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% - ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 2.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564

แบงก์ชาติอินโดนีเซียประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สูงกว่าที่คาด – ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repurchase rate) ระยะเวลา 7 วันในอัตรา 0.50% สู่ระดับ 4.25% ขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2561

แบงก์ชาติฟิลิปปินส์ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ตามคาด - ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 4.25% โดยเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 5 ในปีนี้ 

เยนอ่อนหนักสุดในรอบ 24 ปี – ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraeasy Monetary Policy)

โตโยต้าหั่นเป้าผลิตรถเดือนต.ค. จากปัญหาชิปขาดแคลน - กำลังวางแผนผลิตรถยนต์ราว 800,000 คันทั่วโลกในเดือนต.ค. ซึ่งน้อยกว่าแผนการผลิตเฉลี่ยรายเดือนก่อนหน้านี้ประมาณ 100,000 คัน เนื่องจากชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน

รมว.คลัง ยันไม่แทรกแซงธปท.คุมค่าเงิน-กำหนดดอกเบี้ยนโยบาย - ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะเป็นหน้าที่ของ ธปท. โดย ธปท. เองก็มีความเห็นว่าจะดูแลติดตามให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างปกติให้มากที่สุด 

สกนช.ยันยังไม่ได้ยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91-E85 - การเปลี่ยนแปลงลดชนิดน้ำมันนั้นจะถูกกำหนดภายใต้แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan 2022) ซึ่งเป็นแผนส่วนหนึ่งของแผนพลังงานชาติ และอยู่ระหว่างการจัดทำ

ศาลถอนคุ้มครอง EASTW – ธนารักษ์เตรียมลงนามสัญญาท่ออีอีซี 2.5 หมื่นล้านบาทกับบริษัท วงษ์สยาม เร็วๆนี้ หลังเลื่อนมา 2 ครั้ง

24CS เคาะราคาไอพีโอ 3.40 บาท/หุ้น - เปิดจอง 23 ก.ย. พร้อมเทรด 3 ต.ค.

หุ้นที่มีโอกาสเข้าเกณฑ์ Cash Balance – ได้แก่ CHIC, SENAJ, DPAINT

Opportunity day – 23 ก.ย. - SIS, KWM, PRIME, VIBHA / 27 ก.ย. - PSTC, TPS, CPANEL, STI, TFG, GPI, UBIS / 28 ก.ย. –TGE, SE, TPCH, SKE, SALEE, MST, MVP  

 

ประเด็นติดตาม: 23 ก.ย. – US Manufacturing & Services PMI, Fed Chair Powell Speaks / 27 ก.ย. - US New Home Sales, CB Consumer Confidence / 28 ก.ย. - TH Interest Rate Decision, US Pending Home Sales / 29 ก.ย. – US GDP 2Q22 / 30 ก.ย. – EU CPI, US Core PCE Price Index

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)