ติดตามผลการประชุม FED (21 กันยายน 2565)

ติดตามผลการประชุม FED (21 กันยายน 2565)

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงการซื้อ-ขาย จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน และอาหาร ดัชนีปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ นักลงทุนติดตามการประชุมเฟด กลางสัปดาห์นี้

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,638.59 จุด +7.02 จุด +0.43% มูลค่าการซื้อขาย 65,130 ลบ. ต่างชาติ +509.25 ลบ. TFEX +8,858 สัญญา ตราสารหนี้ -1,766.38 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 12.2% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.575 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 1.404 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.
+ ครม.เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบฯ 66 วงเงินดำเนินการ 1.36 ล้านล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน 2.76 แสนล้านบาท พร้อมแนะเร่งเบิกจ่าย-พัฒนาคน-เพิ่มศักยภาพบริหารงานลดความเสี่ยง และขยายเวลาขึ้นอัตราภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาลระยะที่ 3 ออกไปอีก 6 เดือน เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน ช่วยอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 1,129 ราย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย รักษาหาย 934 ราย
 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ร่วงลง 313.45 จุด หรือ -1.01% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกครั้งในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสัญญาณบ่งชี้ว่าบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาเงินเฟ้อ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 84.45 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลที่ว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ในสัปดาห์นี้ แต่สหรัฐยังคงเปิดกว้างต่อการผลักดันข้อตกลงดังกล่าว
 

 

- โฆษกทำเนียบประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า การทำประชามติในดินแดนของยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชนในการแยกตัวไปอยู่กับรัสเซียนั้น จะเป็นการทำลายช่องทางการเจรจาระหว่างยูเครนและรัสเซีย
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวเรียกร้องให้อุตสาหกรรมอาวุธของรัสเซียเร่งการผลิต ท่ามกลางการสู้รบที่ยังคงดำเนินไประหว่างกองทัพรัสเซียและยูเครน

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนกังวลว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกครั้งในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงเป็นตัวกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,630-1,645 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• วิกฤติพลังงานยุโรป+จีนเริ่มใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น : PRM VL BANPU LANNA AGE
• นายกฯ ออกเกณฑ์ให้ต่างชาติได้ BOI ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ : WHA AMATA ROJNA
• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA COTTO DCC TASCO
• iPhone 14 กระแสตอบรับดี : COM7, SPVI, CPW, JMART

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                                 MGT (ราคาเหมาะสม 5.70 บาท)
                                                                  มีแผน M&A รวมถึง JV เพิ่มเติม

ติดตามผลการประชุม FED (21 กันยายน 2565)

 

•บริษัทมีรายได้ 2Q22 เท่ากับ 284.9 ล้านบาท ทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น +30.1%YoY เนื่องจากฐานต่ำใน 2Q21 หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ด้านอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ที่ระดับ 26.0% ลดลงจาก 28.1% ในไตรมาสก่อน และ 28.9% ใน 2Q21โดยมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสารเคมี และต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้น บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 25.0 ล้านบาท ลดลง -11.2%QoQ แต่ทรงตัว YoY โดยกำไรสุทธิ 1H22 เท่ากับ 53.2 ล้านบาท คิดเป็น 42.3% ของประมาณการปี 22

ความเห็น: แนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H22-23 ยังเติบโตได้ดี โดยได้แรงหนุนจากจำนวนออเดอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบกับ Green leaf chemical ยังขยายตัวได้ดี โดยได้ลูกค้ารายใหม่จากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเยอรมัน เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่ายอดขายจะเข้ามาตั้งแต่ 4Q65-1Q66 นอกจากนั้นบริษัทยังมีแผน M&A รวมถึง JV เพิ่มเติม เราคงประมาณการรายได้ปี 22-23 ที่ระดับ 1,027.6 ล้านบาท และ 1,120.1 ล้านบาท เติบโต +9.1%YoY และ +9.0%YoY พร้อมคงกำไรสุทธิปี 22-23 ที่ระดับ และ 125.7 ล้านบาท และ 137.1 ล้านบาท เติบโต +19.5%YoY และ +9%YoY ตามลำดับ คงค่าแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 23 เท่ากับ 5.70 บาท

 

หุ้นมีข่าว

(+) BRR ( Bloomberg Consensus - บาท) จับมือกลุ่มเจมาร์ท สร้างบุรีรัมย์โมเดล ใช้ช่องทางของ SINGER ในการจาหน่ายสินค้า และปล่อยสินเชื่อชาวไร่อ้อยต้นทุนต่ำ วางแผนธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ชานอ้อยทำเงินดีเร่งขยาย ขายนวัตกรรมสร้างมูลค่า ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งเริ่มปีหน้า มีคาร์บอนเครดิต แถม 8.7 ล้านตัน มูลค่าสูง 2 หมื่นล้าน ส่วนธุรกิจอ้อยราคาดี ปีนี้แรง 70% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ANAN ( Bloomberg Consensus 1.38 บาท) หายใจคล่อง หลังตุลาการผู้แถลงคดี ให้ความเห็นควรยกฟ้อง "แอชตัน อโศก" ระบุโครงการดำเนินการโดยชอบ แต่ยังไม่ถือเป็นคำตัดสินต้องลุ้นศาลปกครองสูงสุดตัดสินอีกครั้ง คาดใช้เวลา 1-2 เดือน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) YGG (Bloomberg consensus 12.40 บาท) อวดแบ็กล็อกเต็มมือ 120 ล้านบาท พร้อมเผยความคืบหน้าจัดตั้งบริษัทร่วมทุน MYGG ฉลุย ปักธงนั่งแท่นเป็นผู้พัฒนา นำเข้าเกมจากต่างประเทศ คาดชัดเจนในไตรมาส 4 นี้ ฟากบิ๊กบอส "ธนัช จุวิวัฒน์" ลั่นใกล้ปิดดีลพาร์ตเนอร์ลุยธุรกิจต้นน้ำ เตรียมก้าวเข้าสู่ตลาดโลกด้านทีวีซีรีส์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TOP (Bloomberg consensus 66.50 บาท) เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 53.50 บาทต่อหุ้น จากช่วงราคาเบื้องต้นที่ 52-54 บาท (ที่มาอินโฟเควสท์)

ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อการเพิ่มทุนของ TOP เนื่องจากราคาหุ้นได้ Diluted ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. 65 โดยราคาเพิ่มทุนใกล้เคียงราคาปิดล่าสุดและอัตราส่วนหุ้นเดิมต่อหุ้นใหม่อยู่ที่ 11.7681 : 1.00 ซึ่งถือว่าอัตราเพิ่มทุนต่ำทำให้ผลกระทบต่อราคาจำกัด อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นใน 2Q65 อ่อนตัวลงจาก 1Q65 ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อผลประกอบการ TOP ทำให้แนะนำเพียง “ถือ”