Microsoft จากผู้นำธุรกิจ IT ด้วยระบบ Windows สู่ผู้นำธุรกิจ Cloud Computing

Microsoft จากผู้นำธุรกิจ IT ด้วยระบบ Windows สู่ผู้นำธุรกิจ Cloud Computing

Microsoft เป็นอีกหนึ่งบริษัทในกลุ่ม Information Technology ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง สะท้อนผ่านสินค้าและบริการ รวมถึงการควบรวมกิจการกับหลายบริษัทผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้ธุรกิจเติบโตโดดเด่น มีงบการเงินแข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก

หากพูดถึงระบบปฏิบัติการ (Operating System) ทุกท่านคงคุ้นเคยกับ Windows ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท Microsoft ตั้งแต่ปี 1985 หลังจากนั้น Windows ก็สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับต้นๆ มาโดยตลอด จนในปัจจุบันสามารถก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งด้านระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อ้างอิงจากข้อมูลล่าสุด เดือนสิงหาคม ปี 2022 Windows มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 74.73% ทิ้งห่างจากระบบ OS จากค่าย Apple ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 14.39% ไปอย่างขาดลอย ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าธุรกิจดั้งเดิมของ Microsoft ยังคงแข็งแกร่งและคงความเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 37 ปี ที่ผ่านมา   

ส่วนแบ่งการตลาด ระบบปฏิบัติการ (OS) สำหรับ PC (คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล)

Microsoft จากผู้นำธุรกิจ IT ด้วยระบบ Windows สู่ผู้นำธุรกิจ Cloud Computing
Source : https://www.statista.com/statistics/983299/worldwide-market-share-of-office-productivity-software/

  • จาก "เจ้าแห่ง OS" ก้าวขึ้นมาเป็น "เจ้าแห่งธุรกิจ Cloud Computing"

หลังจากที่ Microsoft ครองตลาดระบบปฏิบัติการ (OS) มายาวนานกว่า 23 ปี ในช่วงปลายปี 2008 บริษัทฯ ก็ได้มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นนั่นก็คือ Microsoft Azure ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ Cloud Computing Service โดยมีบริการค่อนข้างครอบคลุมทั้งด้าน Platform, Infrastructure และ Datacenter ซึ่งสามารถรองรับการทำงานในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านการคำนวณ, ด้านเครือข่าย, ด้านการจัดเก็บข้อมูล, Internet of Things, Big Data ไปจนถึงการสร้างระบบ AI  

ในปี 2011 บริษัทฯ ได้พัฒนา Office 365 หรือจะเรียกว่าเป็น Microsoft Office เวอร์ชั่น Cloud ก็ว่าได้ ซึ่งนับเป็นก้าวที่สำคัญที่เข้ามาช่วยเสริมการเติบโตของธุรกิจ Cloud ของ Microsoft ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี โดยบริการนี้เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งาน Microsoft Office สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพียงแค่มี Internet ก็สามารถเข้าถึงไฟล์งานจากที่ไหนก็ได้บนโลก รวมถึงยังสามารถทำงานบน Office 365 ร่วมกับทีมงานได้แบบ real-time อีกด้วย และ Software ตัวนี้เองที่ทำให้โครงสร้างรายได้ของ Microsoft เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมในปี 2017 ที่พึ่งพารายได้จาก Windows เป็นหลัก หรือ คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 40% ของรายได้รวม จนในปัจจุบัน (งบการเงินปี 2022) รายได้จากธุรกิจ Cloud มีสัดส่วนราว 38% และก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ได้มากที่สุดของบริษัท ทำให้ Microsoft Azure ขึ้นแท่นเป็นผู้ให้บริการ Cloud แบบครบวงจรอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงแค่ Amazon Web Services เท่านั้น และด้วยความที่ Microsoft มีการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจ Cloud ได้ในอนาคต  

ในปี 2022 Microsoft Azure เป็นผู้ให้บริการ Cloud อันดับ 2 ของโลก โดยมีสัดส่วนราว 24% ของค่าใช้จ่ายด้าน Cloud ของทั้งโลก

Microsoft จากผู้นำธุรกิจ IT ด้วยระบบ Windows สู่ผู้นำธุรกิจ Cloud Computing

  • ธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง ขยายการเติบโตต่อเนื่องจากการควบรวมกิจการ (M&A)

นอกจากการเติบโตจากธุรกิจดั้งเดิม และจากการสรรสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ Microsoft สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องนั่นคือ การควบรวมกิจการ โดย Microsoft ถือว่าเป็นบริษัทที่มีเงินสดในมือมากเป็นอันดับต้นๆ ของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในดัชนี S&P500 จากข้อมูลล่าสุด (ณ วันที่ 30 มิ.ย.2022) บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ทั้งสิ้น $104.7 พันล้าน เรียกได้ว่ามีความสามารถในการควบรวมกิจการสูงมาก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เห็น Microsoft มีการควบรวมกิจการมาอย่างต่อเนื่อง หากนับตั้งแต่ปี 1987 มีการควบควมกิจการไปแล้วเกินกว่า 250 บริษัท โดยมีดีลที่โด่งดัง อย่างเช่น การเข้าซื้อ Skype ด้วยมูลค่า $8.5 พันล้าน หรือการเข้าซื้อ Linkedin ด้วยมูลค่า $26.2 พันล้าน โดยในปีล่าสุด Linkedin ทำเงินให้กับบริษัทฯ ได้ถึง $13.8 พันล้าน เติบโต +34% YoY ถือว่ามีส่วนช่วยในการเติบโตของบริษัทไม่น้อย

ล่าสุด Microsoft ได้ยื่นข้อเสนอซื้อบริษัทเกมชื่อดังอย่าง Activision Blizzard ด้วยมูลค่ากว่า $68.7 พันล้าน ซึ่งนับเป็นดีลการควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ โดยปัจจุบันดีลนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ หากสำเร็จจริงเป็นไปได้ว่า Microsoft จะเป็นบริษัท Tech รายแรกๆ ที่วางรากฐานโลก Metaverse ในอนาคต เฉกเช่นเดียวกับที่บริษัทได้เคยวางรากฐานระบบปฏิบัติการ (OS) ที่ผู้คนทั้งโลกต่างจำเป็นต้องใช้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มากว่า 3 ทศวรรษ 

Microsoft ดำเนินการควบรวมกิจการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 250 บริษัท นับตั้งแต่ปี 1987 ที่ผ่านมา

Microsoft จากผู้นำธุรกิจ IT ด้วยระบบ Windows สู่ผู้นำธุรกิจ Cloud Computing

  •  รายได้และกำไรเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคต

หากพิจารณาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปีบัญชี 2012-2022) บริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ (CAGR) อยู่ที่ +10.4% และกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ +17.04% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงมากเมื่อเทียบกับบริษัทมีขนาดใหญ่ด้วยกัน และหากมองไปในอนาคต นักวิเคราะห์ก็ยังคงมีมุมมองที่ดีอยู่ โดยข้อมูลจาก Bloomberg แสดงให้เห็นว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ารายได้ของ Microsoft จะเติบโตได้เฉลี่ยปีละ +13% และกำไรต่อหุ้น (EPS) เติบโตอยู่ที่ +13.7% ในอีก 3 ปีข้างหน้า สะท้อนว่าบริษัทยังมีอนาคตที่สดใส และขนาดที่ใหญ่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของ Microsoft เลย

รายได้และกำไรต่อหุ้นของ Microsoft เติบโตได้อย่างโดดเด่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

Microsoft จากผู้นำธุรกิจ IT ด้วยระบบ Windows สู่ผู้นำธุรกิจ Cloud Computing

Microsoft ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทในกลุ่ม Information Technology ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จากการที่สินค้าและบริการของบริษัทฯ ได้แทรกซึมไปในแทบจะทุกมิติของโลกดิจิตอลในยุคนี้ นอกเหนือจากนั้น การสรรสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการควบรวมกิจการกับหลายบริษัทที่เป็นผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ยังเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตได้โดดเด่น มีงบการเงินแข็งแกร่งต่อเนื่องถึงแม้จะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก เราเชื่อว่าMicrosoft จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาด และเป็นผู้นำได้ทั้งในทศวรรษนี้และทศวรรษหน้า

ที่มา: azure.microsoft.com, theguardian.com, news.microsoft.com, investors.com, cbinsights & Bloomberg

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds