SCGP ตื่นจากฝันร้าย (วันที่ 13 กันยายน 2565)

SCGP ตื่นจากฝันร้าย (วันที่ 13 กันยายน 2565)

Flagship เชิงกลยุทธ์ในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ของ SCC ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดใน ASEAN

SCGP เป็นกิจการแข็งแกร่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่ มีรากฐานที่มั่นคง ยังมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวอีกด้วย เราเชื่อว่าบริษัทจะมีความสำคัญกับแผนกลยุทธ์ของ The Siam Cement (SCC.BK/SCC TB)* มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปัจจุบัน ธุรกิจของ SCGP ประกอบด้วย i) สายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเยื่อกระดาษ, กระดาษบรรจุภัณฑ์ และ บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีสมรรถนะสูง) (80-85% ของยอดขาย), ii) สายธุรกิจเยื่อกระดาษ (~15-20%) (บรรจุภัณฑ์อาหาร, ผลิตภัณฑ์กระดาษและเยื่อกระดาษ) และ iii) สายธุรกิจรีไซเคิล (~5-7%) (ธุรกิจใหม่) ทั้งนี้ ตลาดเป้าหมายของบริษัท ได้แก่ ประเทศไทย (41% ของยอดขาย) รองลงมาคือ อินโดนีเซีย (19%) และเวียดนาม (15%)

 

ผลประกอบการจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มเป็นปกติจากปี 2566 เป็นต้นไป

เราคาดว่ากำไรหลักในปี 2565-2567F จะเพิ่มขึ้น 12% CAGR 12% YoY ซึ่งต่ำกว่า consensus ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้น 5% YoY ในปี 2565FF แม้ว่า margin จะถูกบีบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแต่กำไรน่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงปี 2566-2567 โดยเราคาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้น 11% YoY และ 14%YoY ตามลำดับ จากทั้งการเติบโตจากภายใน และการทำดีล Merger and Partnerships (M&P) ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาค ASEAN ในขณะที่ธุรกิจ e-commerce เติบโตอย่างต่อเนื่อง และปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์ต่อหัวที่ยังต่ำ เราคาดว่า ROE จะเพิ่มเป็น 6.4%/6.8% ปี 2566F/2567F จาก 6.0% ปี 2565F ทั้งนี้การที่บริษัทมีกระแสเงินสดที่ดี และหนี้สินต่อทุนต่ำ สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ของ SCGP จึงไม่ถูกกระทบจากงบลงทุนที่ตั้งไว้สูงถึงปีละ 2 หมื่นลบ. ซึ่งจะช่วยให้เติบโตในอนาคต

 

 

 

 

มองมุมกลับ – จะมีอะไรทำให้ผิดคาดได้บ้าง?

สภาวะของการดำเนินงานอาจจะส่งผลให้มีการ rerate หรือ derate หุ้นก็ได้ โดยสภาวะจะเป็นบวกถ้าหาก SCGP สามารถเพิ่ม margin, เร่งการเติบโต และ/หรือ สามารถปิดดีล M&Ps ที่มีขนาดใหญ่ในเงื่อนไขที่ดีได้ แต่ในทางกลับกัน บริษัทอาจจะสูญเสียความสามารญเสียความสามารถในการแข่งขันไป ถ้าหากไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแข่งขันได้กับคู่แข่ง เรามองว่า SCGP มีแววจะถูก rerate มากกว่า เพราะเราคาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งมากขึ้นจาก 2H65 เป็นต้นไปเนื่องจากต้นทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง มีการปรับขึ้นราคาขาย และปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาหุ้นเหมือนจะสะท้อนประเด็นความกังวลต่าง ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว

 

Valuation and action

เรากลับมาศึกษาหุ้น SCGP ด้วยคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ที่ 65 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 13x (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต) เราคิดว่าหุ้น SCGP สมควรจะมี premium เนื่องจากทั้งแนวโน้มการเติบโต, margin และสถานะทางการตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่ง แถมยังเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ครบวงจรชั้นนำของ ASEAN อีกด้วย เราคิดว่ามูลค่าหุ้นที่เราประเมินไว้น่าจะเพิ่มขึ้นในระดับปานกลางที่ปีละ 5-10% ในระยะกลาง จากการลยุทธ์เชิงรุกในการสร้างการเติบโตทั้งจากภายในและภายนอก

 

Risks

ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ และพลังงาน, การด้อยค่าจาก M&As, และความเสี่ยงของประเทศ