“ธีระชัย”หุ้นใหญ่ DITTO ลุยซื้อ TEAMG เพิ่ม ล่าสุดถือกว่า 15% เผยเป็นบริษัทที่ดีและมีอนาคต

“ธีระชัย”หุ้นใหญ่ DITTO ลุยซื้อ TEAMG เพิ่ม ล่าสุดถือกว่า 15% เผยเป็นบริษัทที่ดีและมีอนาคต

“ธีระชัย” ผู้ถือหุ้นใหญ่ DITTO เดินหน้าลุยซื้อหุ้น TEAMG เพิ่มเป็นกว่า 15% ระบุตั้งใจถือยาวเพราะเป็นบริษัทที่ดีน่าลงทุนและมีอนาคต เผยก่อนหน้านี้ลงนาม MOU ระหว่าง TEAMG และ DITTO เพื่อร่วมมือดำเนินงานในด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรม

แหล่งข่าวใกล้ชิดนายธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ “DITTO” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2565 นายธีระชัย ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) ได้รายงานซื้อหุ้น TEAMG ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพิ่มเติมจากเดิม

ทำให้ปัจจุบัน นายธีระชัย และคู่สมรส ถือหุ้นจำนวน 103,000,000 หุ้น หรือเป็นสัดส่วน 15.147% จากเดิมเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2565 มีรายงานการถือหุ้น สัดส่วน 12.54% โดยราคาสูงสุดที่ได้มาซึ่งหลักทรัพย์ในช่วง 90 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 10.30 บาทต่อหน่วย

สาเหตุที่นายธีระชัยซื้อหุ้นเพิ่มครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการจะเข้ามาลงทุนใน TEAMG อย่างแท้จริง เพราะมองว่าเป็นบริษัทที่ดีน่าลงทุนและมีอนาคตรวมถึงเล็งเห็นศักยภาพหลายๆ ด้านที่จะร่วมมือกันระหว่าง TEAMG และ DITTO ให้ใกล้ชิดมากขึ้น โดย DITTO มีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงานในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในปลายปีนี้และต้นปีหน้าหลายโครงการ

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงกรอบความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO และ บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ หรือ TEAMG โดยผู้บริหารของทั้ง 2 บริษัท คาดหวังว่าจะช่วยขยายขอบเขตการรับงานโครงการใหม่ๆ ได้มากขึ้น พร้อมช่วยให้การเติบโตรวดเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมา

อนึ่ง เมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รายงานการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่งแอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG โดยบริษัท เน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC มีการจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2565 หลักทรัพย์ที่จำหน่ายจำนวน 2,300,000 หุ้น คิดเป็น 0.33% สำหรับจำนวนหลักทรัพย์ ภายหลังการจำหน่ายมีจำนวน 32,232,000 หุ้น คิดเป็น 4.74% จากเดิมก่อนหน้านี้ถืออยู่จำนวน 34,532,000 หุ้น คิดเป็น 5.07%