BCPG หนทางข้างหน้าไม่ง่าย (2 ก.ย. 2565)

BCPG หนทางข้างหน้าไม่ง่าย (2 ก.ย. 2565)

ข้อมูลที่ได้จาก BCPG ในการประชุมนักวิเคราะห์ 2Q65 อยู่ในเชิงลบเล็กน้อย โดยผู้บริหารได้ปรับลดเป้า EBITDA ปีนี้ลงเหลือ >5% YoY และลดงบลงทุน (capex) ลงเหลือ 2.0 หมื่น ลบ. (จาก >25-35%YoY และ 3.0-4.0 หมื่น ลบ. ตามลำดับ)

จากความล่าช้าของดีลซื้อโครงการใหม่ (Figure 2) เพราะการแข่งขันสูงทำให้อัตราผลตอบแทนไม่สามารถรับได้ ทั้งนี้ BCPG ยังมีความหวังกับการสร้างการเติบโตจากภายนอกใน 4Q65 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะใช้งบ capex 1.5 หมื่นลบ.เพื่อซื้อโครงการใหม่ ในขณะเดียวกัน BCPG คาดว่าต้นทุนทางการเงินใน 2H65 จะเพิ่มจาก 1H65 ~20-30 ลบ. แม้จะมีการชำระคืนหนี้บางส่วนใน 1H65 ทั้งนี้สัดส่วนหนี้ที่มีดอกเบี้ยลอยตัวเหลือ 47% ของยอดหนี้รวม (จาก 52% ใน1Q65) โดยสัดส่วนหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐที่ผูกกับ LIBOR ลดลงเหลือ 21% (จาก 26% ใน 1Q65)

BCPG หนทางข้างหน้าไม่ง่าย (2 ก.ย. 2565)

 

เห็นสัญญาณบวกอยู่บ้างจากการอัพเดตข้อมูลโครงการต่าง ๆ

แต่อีกด้านหนึ่ง โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ Chiba2 (10MWe) ซึ่งมีความไม่แน่นอนใน 1H65 เริ่มคืบหน้าในทางบวกแล้วโดยอัตราค่าไฟฟ้ายังเท่าเดิมที่ JPY32/kWh ในขณะได้ใบอนุญาตพัฒนาพื้นที่ป่าทันเวลาในวันที่ 31 ส.ค. 65 และคาดว่าจะก่อสร้าง ธ.ค. 65 ก่อนเปิดดำเนินการใน เม.ย. 67 (ล่าช้าจาก 1H66) ส่วนโครงการ solar ไต้หวันล่าสุดบริษัทได้ซื้อที่ดิน (ส่วนที่ยากที่สุดของการพัฒนาโครงการ) สำหรับพัฒนาโครงการขนาด 196.5MWe เรียบร้อยแล้ว จากแผนทั้งหมด 469MWe (Figure 3) นอกจากนี้ BCPG ยังตั้งเป้าจะร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนตามแผน PDP ฉบับใหม่ของไทยซึ่งกำหนดจะประกาศใน 4Q65 โดยในเบื้องต้น ทางการอาจจะเปิดประมูลโครงการใหม่กำลังการผลิตรวม 6,000MW (1,000MW
สำหรับ solar floating ของ กฟผ., 3,500MW สำหรับ solar, และอีก 1,500 MW สำหรับลม)

 

 

 

ประมาณการ 3Q65 – กำไรจะสูงที่สุดในรอบปีนี้

เรายังคงคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q65F จะเพิ่มขึ้น QoQ แต่จะลดลงอย่างมาก YoY เนื่องจาก i) เป็นช่วง peak ตามฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Nam San 3A & 3B) ii) เป็นช่วง high season ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย iii) ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 0.4766 บาท/kWh (+0.3068) และ iv) รังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์สูงขึ้นที่โรงไฟฟ้า solar ในญี่ปุ่น แม้จะเป็นช่วง low season ของโรงไฟฟ้า solar ในประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังคาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นตามวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นด้วยแต่เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน

 

Valuation & Action

เรายังแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 11.60 บาท ถึงแม้ราคาหุ้น YTD จะ underperform ดัชนี SET แต่เรายังไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นที่จะทำให้เราปรับเพิ่มคำแนะนำในตอนนี้ ขณะเดียวกัน BCPG ยังถูกกระทบจากความเสี่ยงที่ดอกเบี้ยสูงขึ้น, ราคา solar PV module สูงขึ้น และ การตั้งสำรอง เราคิดว่าความท้าทายของบริษัทยังเป็นการหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อการเติบโต ท่ามกลางผลกระทบจาก adder ที่จะหมดอายุลง

 

Risks

การปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย