Sideways ซื้อเก็งกำไร KTC CBG SNNP (1 ก.ย. 2565)

Sideways ซื้อเก็งกำไร KTC CBG SNNP (1 ก.ย. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1,650 / 1,658 จุด แนวรับ 1,630 / 1,620 จุด (EMA 10 / 200 วัน) แนะนำ ซื้อเก็งกำไร KTC CBG SNNP ทางเทคนิค ดัชนีฯ ยังคงมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยมีกรอบการเคลื่อนไหว 1,620–1,650 จุด ก่อนจะเลือกทิศทางที่ชัดเจนอีกครั้ง

ขณะเดียวกันยังคงต้องระวังรูปแบบ Bearish Divergence โดยจะเกิดสัญญาณขายหากหลุด 1,620 จุด โมเมนตัมลบมาจากการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของตลาดต่างประเทศ จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทย ไฮไลท์วันนี้ คือ รายงาน PMI ภาคการผลิตเดือน ส.ค. ของหลายประเทศทั่วโลก เช่น จีน ญี่ปุ่น EU UK และ USA ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐฯ รวมถึงการเริ่มต้นวันแรกของโครงการรัฐบาล อาทิ คนละครึ่งเฟส 5 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ การปรับขึ้นค่าไฟฟ้า เป็นต้น

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC JMART TCAP JMT CENTEL BEM AOT WHA KKP CPN MINT KTB BDMS FORTH (ซื้อ THANI) พอร์ต Mid-Small Cap หยุดนำเสนอชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. นี้ เพื่อปรับปรุงอัลกอริทึม (Algorithms)

+ Daily Recommendations: KTC (รับผลบวกจากมาตรการไกล่เกลี่ยหนี้รอบใหม่) CBG SNNP (ได้ประโยชน์จากมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์มาตรการไกล่เกลี่ยหนี้สิน: KTC AEONTS MTC SAWAD

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการคนละครึ่งเฟสที่ 5: SNNP CBG OSP PM

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับสูงขึ้นของ Bond Yield: KBANK TTB BLA TIPH

+ หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท: TFG ASIAN BH BDMS

 

ปัจจัยบวก

+ Thailand: โครงการคนละครึ่งเฟส 5 จะเริ่มต้นวันแรกในวันที่ 1 ก.ย. โดยตลอดโครงการ จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 42,400 ล้านบาท และ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ +0.12% และส่งผ่านเม็ดเงินสู่ภาคเศรษฐกิจฐานรากโดยตรง

 

 

 

ปัจจัยลบ

- USA: การปรับเพิ่มวงเงินการลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening) จำก USD47.5bn เป็น USD90.5bn ทำให้สภาพคล่องในระบบลดลง โดย Bond Yield อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดัน Valuation ของหุ้นกลุ่ม Growth Stock และหุ้นในกลุ่มได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของ Bond Yield เช่น กลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

 

ประเด็นสำคัญ

- Opportunity Day: SPCG MEGA NDR SGP AIT KISS

- รายงาน PMI ภาคการผลิตเดือน ส.ค. ในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น EU UK และ USA

- EU: อัตราการว่างงานเดือน ก.ค. คาดทรงตัวอยู่ที่ 6.6%

- USA: ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ คาดอยู่ที่ 2.48 แสนราย (Vs สัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.43 แสนราย)

- โครงการมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 (800 บาท/ราย), โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (400 บาท/ราย) อัตราค่าไฟฟ้าใหม่ 4.72 บาท/หน่วย (เดิม 4 บาท) เริ่มต้นวันแรก

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลดลงเล็กน้อย: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways กรอบ 1,630.01-1,644.09 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,638.93 จุด -0.52 จุด วอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 9.97 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.95% สื่อและสิ่งพิมพ์ -1% ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ -0.58% และนำขึ้นโดยกลุ่มธุรกิจเกษตร +2.47% การแพทย์ +1.51% เงินทุนและหลักทรัพย์ +0.67% หุ้นบวก >4% KCC BGRIM FORTH STA UMS SMK NV AJA KWI THREL RP FPI CAZ AH หุ้นลบ >4% BGT JTS VL TCC HENG SE TSE ITEL

 

 

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดลบ: DJIA -0.88% S&P500 -0.78% NASDAQ -0.56% โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดในแดนลบติดต่อกัน 4 วันทำการ และทำสถิติเดือน ส.ค. ที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ นำลงโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขาย อย่างต่อเนื่อง เช่น HP -7.68%, Seagate -3.54% และ Microsoft -0.57% ส่วนหุ้นยุโรป CAC40 -1.37% DAX -0.97% FTSE -1.05% ปรับตัวลง หลังจาก เงินเฟ้อของยูโรโซนสูงกว่าที่คาด ขณะที่ตลาดยังคงกังวลถึงราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ

- ราคาน้ำมันและทองคำปิดลบ: WTI -USD2.09 ปิดที่ USD89.55/บาร์เรล Brent -USD2.82 ปิดที่ USD96.49/บาร์เรล จากความกังวลเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว หลังจีนกำหนดข้อจำกัดสกัด COVID-19 รอบใหม่ ขณะที่รายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลง -3.32 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าคาดที่ -1.48 ล้านบาร์เรล ส่วนราคาทองคำ -USD10.10 ปิดที่ USD1,726.20/ออนซ์ ความคิดเห็นของประธานเฟดที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางแห่งนี้น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงต่อไปอีกนาน

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: กองอำนวยการน้ำแห่งชำติเตือนวิกฤติเขื่อนใหญ่น้ำเกินควบคุม 6 แห่ง วันที่ 26-31 ส.ค. ส่งผลต่อพื้นที่ลุ่มน้ำชีมูล อาจส่งผลต่อผลผลิตข้าวเสียหาย ขณะเดียวกันหลังน้ำท่วม (อาจเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มซ่อมแซม อาทิ DCC DRT SCC SCCC TASCO HMPRO DOHOME GLOBAL)

+ Thailand: รัฐบาลมีแผนช่วงสิ้นปีนี้ออกมาตรการที่เป็นของขวัญให้ประชาชน หลังจากเคยออกมาตรการช้อปดีมีคืนในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2022 วงเงินไม่เกิน 3 หมื่นบาท/ราย โดยเฉพาะมาตรการช้อปช่วยชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ทางกกร. เสนอในช่วงที่ผ่านมา เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเสนอให้เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเป็น 1 แสนบาท/ราย ซึ่งหากรัฐบาลอนุมัติจริง คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มค้าปลีก และกลุ่ม Consumer Finance (CRC KTC)

+ Thailand: รมว.คลังและธปท. จะแถลงรายละเอียดร่วมกันในวันที่ 1 ก.ย. นี้ ต่อมาตรการไกล่เกลี่ยหนี้สิน ซึ่งอาจมีการต่อขยายมาตรการออกไปอีกระยะหนึ่ง รวมถึงอาจมีการพิจารณาถอดถอนรายชื่อบัญชีดังกล่าวออกจากติด Black List ตามข้อเสนอของคุณกรณ์ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อกลุ่ม Consumer Finance (MTC SAWAD TIDLOR THANI AMANAH AEONTS)

+ EU: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซน พุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.1% ในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 1997 และสูงกว่าที่ Consensus คาดการณ์ที่ระดับ 9.0% จากระดับ 8.9% ในเดือน ก.ค. ทั้งนี้ Consensus คาดธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 8 ก.ย. เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์

- USA: ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 132,000 ตำแหน่ง ในเดือน ส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 300,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 270,000 ตำแหน่ง ในเดือน ก.ค. ขณะที่ภาคบริการมีการจ้างงาน 110,000 ตำแหน่ง ในเดือน ส.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงาน 22,000 ตำแหน่ง

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดำห์: CPN COM7 CENTEL AOT

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: KTC CBG SNNP

Derivatives: แนะ Wait&see หลังปิด Long S50U22 ทำกำไรไปแล้ว