RATCH หนทางข้างหน้าหลังเพิ่มทุน (1 ก.ย. 2565)

RATCH หนทางข้างหน้าหลังเพิ่มทุน (1 ก.ย. 2565)

เรากลับออกมาจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ RATCH ด้วยมุมมองที่ค่อนไปทางลบเล็กน้อย โดยบริษัทยังคงเป้าหมายกำลังการผลิต 10,000MWe ภายในปี 2568 (จาก 9,940MWe) โดยพลังงานหมุนเวียน (RE) จะคิดเป็นสัดส่วน 25% (จากปัจจุบันที่ 19%)

เรามองว่ามีปัจจัยลบสองประการ ได้แก่ (i) downside ของประมาณการกำไรปีนี้ของเราและนักวิเคราะห์ในตลาดจากความล่าช้าในการเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการ Paiton กำลังการผลิต 931MWe (จาก 3Q65 เป็น 4Q65 และ/หรือ 1Q66) เพราะการปิดดีลกับผู้ขายคืบหน้าไปได้ช้า และ (ii) การประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 1H65 ที่ 0.80 บาท/หุ้น (กำหนดขึ้น XD วันที่ 9 กันยายน 2565) ซึ่งต่ำกว่าในอดีตที่ 1.15 บาท/หุ้น หลังจากที่บริษัทเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ RATCH เสียสถานะของการเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่มไป

 

เหตุผลในการเข้าซื้อ Nexif Energy Joint Venture: NEJV)

ผู้บริหารเชื่อว่าดีลนี้จะส่งผลดีกับ RATCH โดยจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นทันที 15% เป็น 11,440MWe หลังปิดดีลใน 4Q65 ทั้งนี้ NEJV มีพอร์ตที่หลากหลายทั้งเชิงประเภทโครงการ และทำเลที่ตั้งโดยมีกำลังการผลิตรวม 1,515MWe (เปิดดำเนินการแล้ว 451MWe) (Figure 2-3) ส่วนที่เหลืออีก 1,065MWe จะทยอยเปิดดำเนินการในปี 2566-2570F โดยคาดว่า EIRR จะอยู่ที่ระดับสิบต้น ๆ ทั้งนี้ การที่โครงการนี้มีราคาไม่แพง (0.4 ล้าน ดอลลาร์ฯ/MW) เป็นเพราะยังต้องใส่เงินทุนเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ๆ อีกประมาณ 100-200 ล้านดอลลาร์ฯ เราคาดว่าโครงการนี้จะยังไม่ได้ทำกำไรให้บริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำในระยะสั้น เพราะต้นทุนด้านการเงินที่สูง ในขณะที่กำลังการผลิตที่ดำเนินการแล้วยังต่ำอยู่ แต่สุดท้ายแล้วการจับมือเป็นพันธมิตรอย่างแนบแน่นมากขึ้นกับ Nexif ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ RATCH มาสองสามปีแล้วจะช่วยเสริมสร้าง synergy และเพิ่มโอกาสในการลงทุนในอนาคต

RATCH หนทางข้างหน้าหลังเพิ่มทุน (1 ก.ย. 2565)

 

RATCH หนทางข้างหน้าหลังเพิ่มทุน (1 ก.ย. 2565)

 

ประมาณการแนวโน้มใน 2H65

เราคาดกำไรสุทธิใน 3Q65 จะเพิ่มขึ้น QoQ จากช่วง peak ฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และบริษัทจะรับรู้ผลการดำเนินงาน NRES เต็มไตรมาส แต่เราคาดกำไรใน 4Q65 จะลดลง QoQ เพราะเป็นช่วง lowseason โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในออสเตรเลีย ในขณะที่จะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า IPP ของ RATCH (RG และหงสา) และเป็นช่วง peak ของราคาก๊าซสำหรับโรงไฟฟ้า SPP แม้ว่าจะมีการรับรู้โครงการ Ecowin, RATCH Cogen และอาจจะรวมถึงโครงการ Paiton ด้วย

 

Valuation & Action

เราคงคำแนะนำ ถือ และราคาเป้าหมาย DCF ที่ 41 บาท เรามองว่าประมาณการกำไรปีนี้ของเรามี downside จากความล่าช้าโครงการ Paiton ในขณะที่ประมาณการกำไรของเราจะมี upside ตั้งแต่ปี 2566F เป็นต้นไป จากการรวมผลการดำเนินงาน NEJV เมื่อเราได้รับข้อมูลเพิ่มเติมที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับโครงการนี้ โดยสรุปแล้ว เราคาดว่าราคาเป้าหมายของเรามีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 3-4 บาท แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าราคาหุ้นในปัจจุบันสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปบ้างแล้ว ในขณะที่ dilution gap และแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลงยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันหุ้น RATCH อยู่

 

Risks

การปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย