ที่ 'AIS' HR ไม่ใช่ฝ่ายซัพพอร์ต แต่คือ 'ผู้สร้างทาง' ให้ธุรกิจโต

เอไอเอส ในฐานะศูนย์กลางด้านความเป็นเลิศในการพัฒนาคน ร่วมเปิดทุกมุมของ Performance Management ในยุคที่มองว่าคนไม่ใช่แค่ "ต้นทุนแรงงาน" แต่คือ "ทรัพยากร" ที่ต้องลงทุนเพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงถอดรหัสกลยุทธ์การบริหารคนที่ HR ต้องเป็นแผนกที่อยู่ด่านหน้า และไม่ควรถูกจัดไว้ที่ท้ายแถวของแผนธุรกิจ เพราะหากฝ่าย HR วาง "คน" ที่ต้องสร้างถนนไปวิ่งตามหลัง CEO แผนการใหญ่ก็ไม่มีวันสำเร็จ

กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เล่าว่า เอไอเอสเชื่อว่าการปลดล็อกศักยภาพคนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับองค์กร ทุกคน ทุกหน่วยงานต้องมองทิศทางให้อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ดังนั้น HR จึงไม่ใช่แค่แผนกสนับสนุน แต่คือ "ผู้สร้างทาง" ให้ธุรกิจไปถึงฝั่งฝัน

การวัดผลต้องไม่เป็นแค่ตัวเลข

กานติมา กล่าวว่า หลายองค์กรยังเข้าใจผิดระหว่าง KPI (Key Performance Indicator) กับ OKR (Objectives and Key Results) และที่แย่กว่านั้นคือ คนทำงานจำนวนมากไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกวัดจากอะไร ในบางองค์กรวางกลยุทธ์ลอยฟ้า แต่ไม่เคยส่งแผนให้ถึงมือคนทำงานบนดิน ทั้งยังขาดการสื่อสารที่ชัดเจน และไม่มีการให้ Feedback ที่ต่อเนื่อง ทำให้สุดท้ายคนทำงานถูกวัดผลแบบงงๆ ปลายปีถึงกับช็อกว่าฉันถูกประเมินจากเรื่องนี้หรือ?

นอกจากนี้ หัวหน้าหลายคนไม่กล้าพูดตรงเพราะกลัวเสียความสัมพันธ์ ทำให้ขาด Feedback ที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพได้อย่างแท้จริง ดังนั้นวัฒนธรรมนี้คือหนึ่งสิ่งที่องค์กรต้องเปลี่ยน เพราะหากไม่มี Feedback ที่ชัดเจน บุคลากรก็จะไม่รู้ว่าตนต้องพัฒนาอะไร ไปสู่จุดหมายอะไร เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วองค์กรจะไปต่อได้อย่างไร 

ดังนั้น องค์กรควรหยุดถกเถียงว่า KPI หรือ OKR ใครดีกว่ากัน แล้วหันกลับมาดูว่า "คนของคุณรู้ไหมว่าต้องทำอะไรให้สำเร็จ" เพราะ Performance ที่แท้จริงไม่ได้วัดแค่ที่ยอดขาย แต่คือการสร้างระบบให้คนเข้าใจบทบาทของตนเองและมีเป้าหมายที่เชื่อมโยงกับองค์กรอย่างแท้จริง

ระวังกับดัก Work-Life Balance

การบริหารคนในองค์กรที่เป็นคนรุ่นใหม่ มักพูดถึง Work-Life Balance เธอ ระบุว่า Work-Life Balance อยู่ที่การตีความ สำหรับบางคนถ้าได้ทำงานที่มีความสุขถึงระหว่างทางจะเหนื่อยไปบ้าง แต่เมื่องานสำเร็จเขาก็จะมีความสุข การจะหยุดพักบ้างเพื่อหาความสมดุลนั้นทำได้ แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องมั่นใจว่าตนเองมีศักยภาพที่องค์กรต่างมองหาอยู่เสมอ

อย่าหลงกับ Work-Life Balance จนลืมถามว่าเราพร้อมแค่ไหน

กานติมา ระบุว่า เธอเองคือคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนี้ และเคย Early Retire แล้วกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง เพราะรู้ว่าตัวเองยังมีศักยภาพที่พร้อมทำงานได้ และที่สำคัญคือ "คนทำงานกับคนชอบทำงาน เวลาหยุด มันหยุดไม่ได้จริง"

"คน ไม่ใช่แค่ต้นทุนแรงงานขององค์กร แต่คือ ทรัพยากรที่ต้องลงทุน เพื่อสร้างผลักดันให้เติบโต และฟูมฟักอย่างมีความหมาย และยิ่งในวันที่ AI กำลังก้าวกระโดด และถูกมองว่าจะเข้ามาแทนที่คน HR จึงยิ่งต้องอัปสกิลตัวเองให้พร้อมรับมือก่อนแผนกอื่นในองค์กร"

เปิดแนวคิด "HR คือผู้สร้างทาง"

กานติมา ตอกย้ำว่า การเทรนคนเก่งไม่ใช่เรื่องน่ากลัวว่าพอเขาเก่งแล้วจะลาออก "จงภูมิใจ ถ้าเราเป็นองค์กรที่สร้างคนเก่งให้สังคม" เพราะเมื่อคนเหล่านั้นไปที่อื่นแล้วพูดว่า "โตมาจากองค์กรคุณ" มันคือเครดิตที่เงินซื้อไม่ได้ ดังนั้นองค์กรต้องลงทุนกับการสร้างและรักษาคน ไม่ใช่แค่หวังว่าคนจะอยู่กับเราเอง

อีกทั้งการเลื่อนตำแหน่งไม่ใช่รางวัลแห่งความดี แต่คือความเชื่อมั่นว่าเขมีศักยภาพร้อมที่จะพาคนอื่นโตไปด้วย เพราะหากเก่งแต่ไม่พร้อมนำคนอื่น ก็ยังไม่ใช่ผู้นำที่แท้จริง

"เอไอเอส ยังมีจุดยืนว่า HR ไม่ใช่ Support Function แต่คือ Business Partner ของทุกหน่วยงาน กล่าวคือเป็นคนสร้างทาง และไม่ควรถูกจัดไว้ที่ท้ายแถวของแผนธุรกิจ HR ต้องไม่กลัวตัวเลข ไม่กลัวธุรกิจ และต้องเป็น Business Partner ตัวจริงที่จะช่วยวางรากฐานด้านคน สร้างถนนที่มั่นคงให้ CEO วิ่ง ไม่ใช่รออยู่ข้างหลัง"

องค์กรไม่ควรกลัวการลาออก

กานติมา กล่าวทิ้งท้ายว่า หากทำงานแล้วไม่เห็นเส้นทางอาชีพ แปลว่าคุณปล่อยให้อนาคตอยู่ในมือคนอื่น โดยองค์กรมีหน้าที่ 50% ในการสร้างโอกาส เสริมองค์ความรู้ให้กับบุคลากร อีก 50% ต้องเป็นของตัวเราเองในการเสาะหาความรู้ ทักษะ และความสามารถใหม่ๆ อยู่เสมอ และองค์กรไม่ควรกลัวการลาออก เพราะองค์กรที่ดีคือองค์กรที่สร้างคนให้พร้อมแล้วส่งออกอย่างภาคภูมิ ถ้าอยากให้คนกลับมาเป็น Brand Ambassador ให้องค์กรได้ ก็ต้องกล้าลงทุน และยอมรับว่าเส้นทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือบทสะท้อนของโลกแรงงานยุคใหม่ ที่ไม่ได้มองว่าคนเป็นเพียงแค่ต้นทุนเท่านั้น