วางกลยุทธ์ให้ธุรกิจครอบครัว ส่งต่อความยั่งยืนด้วย Business Circle จากยูโอบี

วางกลยุทธ์ให้ธุรกิจครอบครัว ส่งต่อความยั่งยืนด้วย Business Circle จากยูโอบี

Business Circle จากยูโอบี เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ทายาทธุรกิจ ส่งต่อความยั่งยืนให้กับ "ธุรกิจครอบครัว" เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

ความต่อเนื่องในการดำเนิน "ธุรกิจครอบครัว" ให้เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืนได้ มีหัวใจสำคัญอยู่ที่ "ทายาทธุรกิจ" ที่จะมาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ รับภารกิจในการผลักดันองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไปได้ในระยะยาว จะต้องเป็นผู้ที่มีความพร้อมมากพอเมื่อถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่น เพราะนั่นอาจกลายเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจสะดุดลงหรือไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ หากไม่มีการเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านให้กับผู้ที่จะมารับไม้ต่อที่ดีเพียงพอ  

โดยเฉพาะในยุคที่โลกไร้พรมแดน ธุรกิจต่างๆ สนใจที่จะออกไปขยายกิจการในต่างประเทศเพื่อต่อยอดการเติบโต จากรายงาน UOB Business Outlook Study 2023 (SME and Large Enterprises) พบว่า 9 ใน 10 ของธุรกิจให้ความสนใจมองหาโอกาสขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยมีแรงจูงใจที่ชัดเจนได้แก่ การเพิ่มรายได้ แสวงหากำไร และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร ทั้งนี้ สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย รวมถึงจีนเป็นจุดหมายหลักที่ธุรกิจไทยต้องการขยายตลาดไปมากที่สุด และกว่า 1 ใน 3 สนใจจะขยายธุรกิจไปนอกภูมิภาคเอเชีย 

วางกลยุทธ์ให้ธุรกิจครอบครัว ส่งต่อความยั่งยืนด้วย Business Circle จากยูโอบี

ในยุคที่โลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทายาทธุรกิจ ในรุ่นต่อไปจะมีโจทย์ที่ต้องเผชิญหลากหลายมากขึ้น และในฐานะที่ ธนาคารยูโอบี เติบโตมาจากรากฐานของการเป็นผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นธนาคารระดับภูมิภาคที่มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งทั่วอาเซียน กลุ่มธนาคารยูโอบี ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น และเชื่อมโยงธุรกิจรวมถึงทายาทธุรกิจในรุ่นต่อๆ ไป ให้เข้าไปสู่เครือข่ายใหม่และโอกาสในการขยายธุรกิจ ด้วยการเปิดตัวโครงการ Business Circle ที่ได้ดีไซน์มาเพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนองค์กรให้แก่ทายาททายาทธุรกิจรุ่นใหม่ของธุรกิจครอบครัวในเอเชีย และค้นหาเครือข่ายใหม่ๆ รวมถึงโอกาสในการขยายธุรกิจ ด้วยการนำความเชี่ยวชาญของธนาคารในฐานะธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค ที่มีรากฐานที่หยั่งลึกในประเทศไทยมาสนับสนุนธุรกิจ

Business Circle เป็นโครงการที่มุ่งเน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ทั้งการจัดงานสัมมนาแบบเอกซ์คลูซิฟและเวิร์กช็อปเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการบริหารธุรกิจ มุ่งเน้นในเรื่องการกระจายธุรกิจ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล และความยั่งยืน อินไซด์ธุรกิจ (ข้อมูลเชิงลึก) ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในสถานการณ์ทางธุรกิจที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะช่วยให้ทายาทธุรกิจรุ่นต่อไปสามารถปรับปรุงบริษัทของครอบครัวให้ทันสมัย และมั่นใจได้ว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

วางกลยุทธ์ให้ธุรกิจครอบครัว ส่งต่อความยั่งยืนด้วย Business Circle จากยูโอบี

รวมทั้งโอกาสในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระดับภูมิภาคผ่านกิจกรรม networking แบบข้ามพรมแดนและข้ามอุตสาหกรรมเพื่อสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สามารถนำไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจได้จริงและการขยายโอกาสทางการตลาด ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา รวมไปถึงบริการโซลูชันทางการเงินที่ออกแบบมาโดยเฉพาะจาก ธนาคารยูโอบี เพื่อสนับสนุนการเติบโตดังกล่าว ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายหลักคือการเตรียมเครื่องมือในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ทายาทธุรกิจในรุ่นต่อไป เพื่อให้สามารถดำเนินการขับเคลื่อนกิจการของครอบครัวให้เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน   

โครงการ Business Circle ในปี 2024 นี้มีกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้น 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ A Future Read Programme ที่เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารยูโอบีในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย โดยมีทายาทธุรกิจจากประเทศไทยเข้ารวมทริปทั้งหมด 13 ราย ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เข้าร่วมทริปสร้างความผูกพันในประเทศจีน ระหว่างวันที่ 28 - 31 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยในทริปจะมีการเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยชั้นนำและบริษัทที่เป็นที่รู้จักในภาคเทคโนโลยีและโลจิสติก การเดินทางครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความสัมพันธ์กันระหว่างผู้มีเข้าร่วมจากประเทศต่างๆ แต่ยังสร้างการตระหนักรู้ในการปรับเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจอิคอมเมิร์สและการดำเนินธุรกิจในอนาคต เป็นองค์ความรู้ที่เตรียมไว้ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำกลยุทธ์และเทคโนโลยีไปปรับใช้กับธุรกิจได้ทันที

ตัวแทนทายาทธุรกิจที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม A Future Read Programme แล้วสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้จริง อย่าง บริษัท พี ซี ที ลาบอราตอรี่เซอร์วิส จำกัด ซึ่งมีความชำนาญการเรื่องห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็ป ที่พบว่า ในการเชื่อมต่อ Interface กับโรงพยาบาลต่างๆ ยังมีต้นทุนที่สูง จึงได้นำเสนอโครงการพัฒนาแอปพลิเคชัน PCT Application for ALL สำหรับบริษัทในเครือ โดยใช้ศักยภาพด้านไอทีที่มีอยู่แล้วในการเชื่อมต่อระบบนิเวศขององค์กรกับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลในประเทศไทย นอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษแล้ว ในอนาคตคาดว่าจะสามารถใช้ฐานข้อมูล big data  และการเชื่อมต่อ API กับภาครัฐและเอกชน เพื่อการพยากรณ์โรคจากประวัติสุขภาพของโรงพยาบาลและข้อมูลผลห้องปฏิบัติการ

นอกจากนี้ยังมี บริษัท พี.เอส. แวกซ์เทค จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Shiny Wax ผลิตภัณฑ์เคลือบสีและพื้นผิวที่รวบรวมคุณสมบัติที่ดีของแวกซ์และสารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แต่อุปสรรคหลักของธุรกิจคือ ค่าแพคเกจจิงที่สูงถึง 40% ของต้นทุน เพราะการใช้ wax จากธรรมชาติ ที่ไม่ใส่สารกันเสีย แต่กลับเจอปัญหาในการขนส่งที่มีการจัดเก็บสินค้าที่ไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดการเสียหายและสินค้าถูกตีกลับเป็นจำนวนมาก จึงต้องการหาโมเดลธุรกิจที่ช่วยลดต้นทุนค่าแพ็กเกจจิงและออกแบบแพ็กเกจใหม่ ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อยืดอายุการใช้งานของแวกซ์ 

สำหรับอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญในโครงการ Business Circle คือ The Circular Economy Programme ที่มุ่งเน้นการเรียนรู้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน  (Circular Economy) และประยุกต์ใช้กับกระบวนการผลิต โดยเน้นประสิทธิภาพและความยั่งยืน แนวทางปฏิบัติจริงนี้มีคุณค่าสำหรับธุรกิจครอบครัวที่มุ่งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็รักษาคุณค่าดั้งเดิมไว้ โดยธนาคารได้ร่วมมือกับ CIRCO Hub Thailand ที่มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้ประกอบการ ด้วยการสร้างการรับรู้ถึงการสร้างมูลค่า นวัตกรรมและการควบคุมต้นทุนการผลิต ผ่านแนวคิดของเศรษฐกิจหมุนเวียน กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 กันยายน - 7 ตุลาคม ผ่านกิจกรรมออนไลน์และนอกสถานที่ โดยในปีนี้มีผู้บริหารอาวุโสของบริษัท 15 แห่งของไทยที่เป็นสมาชิกของ The Business Circle  เข้าร่วมกิจกรรม The Circular Economy Programme

นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่ทายาทธุรกิจได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ Business Circle โดยธนาคารฯ จะเปิดรับผู้เข้าร่วมใหม่ทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้นำรุ่นต่อไปได้รับความรู้เชิงปฏิบัติและนำไปปฏิบัติได้ 

บทบาทของ ธุรกิจครอบครัว ในระบบเศรษฐกิจไทยมีค่อนข้างมาก กว่า 57% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยทั้งหมดเป็นธุรกิจครอบครัว มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม  43% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งหมด

ความมุ่งมั่นของยูโอบีในการจัด Business Circle นับจากนี้ เชื่อว่าจะช่วยลดอุปสรรคและเติมเต็มความต้องการทางธุรกิจ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ทายาทธุรกิจ สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเครือข่ายของยูโอบี เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงทั้งในประเทศและในประเทศเพื่อนบ้าน คงความเป็นธุรกิจของครอบครัวในระยะยาว ซึ่งจะช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้กับเศรษฐกิจไทยในภาพรวมได้ในที่สุด