ชำแหละ “ประวิตร” ต้นแบบ “ระบอบบ้านใหญ่” ใต้ชายคา “ทักษิณ”

ชำแหละ “ประวิตร” ต้นแบบ “ระบอบบ้านใหญ่” ใต้ชายคา “ทักษิณ”

คอลัมน์มังกรซ่อนพยัคฆ์ โดย ประชา บูรพาวิถี / ถนนสายธนาธิปไตย “ประวิตร” ปั้นพลังประชารัฐ สู่พรรคบ้านใหญ่เต็มสูบ พร้อมจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว

“ประวิตร” เปิดบ้านป่ารอยต่อฯ ให้เป็นศูนย์กลาง “ระบอบพี่ใหญ่” ไม่ต่างจากบ้านจันทร์ส่องหล้า กับระบอบทักษิณ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

ภาพคนการเมืองหลั่งไหลไปอวยพร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื่องในงานวันคล้ายวันเกิด 77 ปี ที่ทำการมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ สะท้อนบารมีของ “พี่ใหญ่” หรือบิ๊กบราเธอร์แห่งบูรพาพยัคฆ์ได้ชัดเจน

พล.อ.ประวิตร ในวันนี้คือ หัวหน้าพรรคการเมือง ที่มีลักษณะคล้ายนักเลือกตั้งแบบทักษิณ ชินวัตร ผสมผสานกับบรรหาร ศิลปอาชา คือ การรวบรวม ส.ส.บ้านใหญ่ ให้มาอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน

ชำแหละ “ประวิตร” ต้นแบบ “ระบอบบ้านใหญ่” ใต้ชายคา “ทักษิณ”

ทักษิณ มีความสำเร็จในนโยบายประชานิยม ทำให้กลุ่ม ส.ส.บ้านใหญ่ยอมสวามิภักดิ์เข้ามาอยู่ใต้ชายคาบ้านจันทร์ส่องหล้า แต่พี่ใหญ่ป้อม พล.อ.ประวิตร มีอำนาจแฝง คุมกลไกองค์กรอิสระบางแห่ง อันเนื่องมาจากผลพวงการรัฐประหาร 2557 นักเลือกผู้มีบาดแผล ต้องเข้ามาซุกที่บ้านป่ารอยต่อฯ

ประจักษ์ ก้องกีรติ นักวิชาการค่ายธรรมศาสตร์ เคยให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยว่า ยุครุ่งเรืองของนักการเมืองแบบเจ้าพ่อสิ้นสุดลง หลังจากมีรัฐธรรมนูญปี 2540 ถือว่าทำได้สำเร็จมากในการเปลี่ยนการเมืองและลดอิทธิพลของเจ้าพ่อลง..”

จริงๆแล้ว ช่วงยุคทองของทักษิณ นักการเมืองแบบเจ้าพ่อไม่ได้หายไปไหน พวกเขาสวมเสื้อพรรคไทยรักไทยลงสนาม และได้เป็น ส.ส.ผูกขาดยกจังหวัดอีกต่อไป

ทักษิณกับ พล.อ.ประวิตร จึงมีความเหมือนกันในแง่ของการนำพรรคแบบระบอบพี่ใหญ่

การเลือกตั้งปี 2548 ทักษิณ กวาดต้อนนักการเมืองบ้านใหญ่เกือบทุกตระกูล มาอยู่ในพรรคไทยรักไทย ยกเว้นตระกูลอัศวเหม และศิลปอาชา

50 กว่าปีบนถนนสายเลือกตั้ง นักการเมืองแบบเจ้าพ่อหรือบ้านใหญ่ ได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางการเมืองตลอดเวลา

ชำแหละ “ประวิตร” ต้นแบบ “ระบอบบ้านใหญ่” ใต้ชายคา “ทักษิณ”

รัฐธรรมนูญ 2540 ทำให้นักการเมืองแบบเจ้าพ่อที่ต้องการอยู่รอด ก็วิ่งเข้าซุกปีกทักษิณ และรัฐธรรมนูญ 2560 นักการเมืองบ้านใหญ่ได้ทิ้งทักษิณมาซบอกพี่ใหญ่บ้านป่ารอยต่อฯ

รูปธรรมที่เห็นชัดคือ ตระกูลเทียนทอง, เทพสุทิน, พร้อมพัฒน์, รัตนากร,รัตนเศรษฐ ฯลฯ ที่เป็นกำลังหลักให้กับ พล.อ.ประวิตร ในวันนี้ ก็ล้วนแต่เป็นแขนขาของทักษิณมาก่อน 

คนในบ้านป่ารอยต่อฯ รู้ดีว่า อดีต ส.ส. ที่ตบเท้าเข้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อเลือกตั้งปี 2562 ส่วนใหญ่เป็นการปิดดีลของ พล.อ.ประวิตร ทั้งนั้น 

‘เข็มมุ่ง ส.ส.เขต’

สถานการณ์ปัจจุบัน ต่างจากปี 2562 นับวันความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะลดลงเรื่อยๆ และอาจจะเหลือเฉพาะพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น

ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งสมัยหน้า จึงต้องโฟกัสไปที่ ส.ส.เขต เป็นหลัก ซึ่งกติกาบัตรใบเดียว หวังเก็บเกี่ยว ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ตอบโจทย์ 3 ป.แล้ว

ชำแหละ “ประวิตร” ต้นแบบ “ระบอบบ้านใหญ่” ใต้ชายคา “ทักษิณ”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงส่งสัญญาณแรงให้ ส.ส.พลังประชารัฐ ยึดกติกาบัตร 2 ใบ ส่วนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากหาร 500 ก็พลิกเป็นหาร 100 

ลึกๆแล้ว แกนนำพลังประชารัฐ สายบ้านใหญ่ ไม่ติดใจเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.มากนัก แต่กังวลเรื่องหาร 500 ขัดรัฐธรรมนูญ และอาจมีคนผ่าทางตันกลับไปใช้บัตรใบเดียว

“ผมอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมไม่คิด ไม่คิดๆ ผมเอา ส.ส.เขตเป็นหลัก” พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามนักข่าวเมื่อ 9 ส.ค.2565


วันนี้ พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส. 97 คน หัก ส.ส.บัญชีรายชื่อ 18 คน ก็เหลือ ส.ส.เขต 79 คน ในจำนวนนี้ เป็น ส.ส.กรุงเทพฯ 12 คน และ ส.ส.ภาคใต้ 13 คน 

ชำแหละ “ประวิตร” ต้นแบบ “ระบอบบ้านใหญ่” ใต้ชายคา “ทักษิณ”

การเลือกตั้งสมัยหน้า โอกาสที่ พปชร.จะได้ ส.ส.กทม.นั้น ไม่ง่าย เช่นเดียวกัน ส.ส.ภาคใต้ อาจได้ต่ำกว่าเดิมเกินครึ่ง จึงเหลือ ส.ส.เขต 54 คนในภาคเหนือตอนล่าง, ภาคกลาง และภาคอีสาน ที่ต้องลุ้นว่าจะได้กลับเข้าสภาฯอีกกี่คน

วิเคราะห์กันว่า ยุทธศาสตร์เลือกตั้งของ พล.อ.ประวิตร คือ รักษาที่นั่ง ส.ส. ในภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง สกัดแลนด์สไลด์เพื่อไทย ช่วงชิง ที่นั่ง ส.ส.ในโซนอีสานใต้ พร้อมเก็บตกจากภาคใต้

ปั้นพลังประชารัฐ เป็นพรรคขนาด 50 ที่นั่ง(เฉพาะ ส.ส.เขต) เพื่อการต่อรองเข้าร่วมรัฐบาลกับขั้วใดก็ได้

‘พี่ป้อม’ของเทียนทอง

ทำไม ส.ส.บ้านใหญ่ จึงไม่คิดกลับเพื่อไทย? ทำไมจึงฝากผีฝากไข้กับบิ๊กป้อม? คำตอบของเรื่องนี้ให้ดูตัวอย่างจากตระกูลเทียนทอง

หลายคนอาจงุนงงสงสัย เหตุใด “กำนันกี” ขวัญเรือน เทียนทอง นายก อบจ.สระแก้ว จึงหอบลูกสาวลูกชายทิ้งเสนาะ เทียนทอง มาซบลุงป้อมที่บ้านป่ารอยต่อฯ

ปลายปีที่แล้ว ขวัญเรือน เทียนทอง น้องสะใภ้เสนาะ เปิดบ้านสวนน้ำเขาฉกรรจ์ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ต้อนรับ พล.อ.ประวิตร ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการที่สระแก้ว

หลังจากลุงป้อมกลับกรุงเทพฯ กำนันกี ขวัญเรือน โพสต์เฟซบุ๊คว่า “..พล.อ.ประวิตร หรือพี่ป้อม นั้น เป็นผู้ที่มีความคุ้นเคยกับพื้นที่ของพวกเราเป็นอย่างดี”

เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร เคยเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 รอ.) ที่ค่ายไพรีระย่อเดช จ.สระแก้ว “..ท่านได้ประจำอยู่ที่นี่จนเปรียบเสมือนเป็นลูกหลานของพี่น้องชาวสระแก้วนี้เองค่ะ”

ชำแหละ “ประวิตร” ต้นแบบ “ระบอบบ้านใหญ่” ใต้ชายคา “ทักษิณ”
แม้ พล.อ.ประวิตร จะขยับไปรับตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่พี่ป้อมของกำนันขวัญเรือน ก็ไม่เคยทิ้งสระแก้ว

“พี่ป้อมได้ลงมาดูแล ช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนของพวกเราทุกคน สระแก้วจะยังคงเป็นบ้าน ที่รอต้อนรับการมาเยือนของพี่..ด้วยความอบอุ่นตลอดไปค่ะ”

ความสัมพันธ์อันดียิ่งระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับกำนันขวัญเรือน สะใภ้ตระกูลเทียนทองนั้นลึกล้ำ และยาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจที่ตรีนุช เทียนทอง ได้นั่งเก้าอี้ รมว.ศึกษาธิการ ชนิดไม่ต้องออกแรงวิ่งเหมือนรัฐมนตรีคนอื่น

อีกตัวอย่างหนึ่งที่ จ.กาญจนบุรี พล.อ.ประวิตร ได้ดึงบ้านใหญ่ต่างขั้วคือ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย มาร่วมทีมกับทายาทกำนันเซี้ย อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ จนยึดพื้นที่ได้เกือบทุกเขต

แผนโรดโชว์ พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ ครั้งที่ 3 จึงจะเกิดขึ้นที่เมืองกาญจน์ เพราะเป็นพื้นที่เป้าหมายชนะยกจังหวัด 5 ที่นั่ง

ปัจจุบัน ส.ส.กาญจนบุรี พลังประชารัฐ 4 คน ประกอบด้วย พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ เขต 1, สมเกียรติ วอนเพียร เขต 2, ธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ เขต 4 และอัฏฐพล โพธิพิพิธ เขต 5

ระยะหลัง พล.อ.ประวิตร จะลงพื้นที่ต่างจังหวัดถี่ขึ้น และในทุกจังหวัดที่บิ๊กป้อมเดินทางไปเกี่ยวกับเรื่องน้ำ และที่ดิน จะแฝงไว้ด้วยการสร้างฐานเสียง

“ผมเอา ส.ส.เขตเป็นหลัก” พล.อ.ประวิตร ลั่นคำมั่นชัดเจน แม้ร่างกายจะดูป้อแป้ เดินเหินไม่คล่อง แต่บิ๊กป้อมก็มีลูกขยัน และทุกย่างก้าวมีเป้าหมาย ปั้น ส.ส.เขต โดยไม่พึ่งแบรนด์ประยุทธ์