ตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุนไหม?

ตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุนไหม?

ช่วงนี้ ผมถูกถามค่อนข้างบ่อยว่ายังซื้อหุ้นได้หรือไม่ ผมเชื่อว่าสาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะ SET Index เริ่มออกอาการไปต่อไม่ไหว หลังจากปรับขึ้นมา10% หรือ 150 จุด ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน รับข่าวดีจากการคลายล็อกดาวน์ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด ที่ลดลง และการฉีดวัคซีนที่คืบหน้าไปมาก 

ช่วงนี้ ผมถูกถามค่อนข้างบ่อยว่ายังซื้อหุ้นได้หรือไม่ ผมเชื่อว่าสาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะ SET Index เริ่มออกอาการไปต่อไม่ไหว หลังจากปรับขึ้นมา 10% หรือ 150 จุด ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน รับข่าวดีจากการคลายล็อกดาวน์ ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ลดลง และการฉีดวัคซีนที่คืบหน้าไปมาก 

หลายคนกังวลว่าการปรับขึ้นรอบนี้อาจยังไม่ใช่ของจริง เพราะถึงแม้สถานการณ์ COVID-19 จะดีขึ้น แต่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงอ่อนแอ การเมืองยังดูวุ่นวาย และ Valuations ของตลาดหุ้นไทยก็ไม่จัดว่าถูก 

โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าตลาดหุ้นไทย ยังอยู่ในขาขึ้น แต่อาจยังมีแรงเทขายทำกำไรบ้างในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้นที่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว 

ทำไมผมถึงคิดเช่นนั้น?

1.การฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งแผนจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมที่มีความชัดเจนและแน่นอนมากขึ้น ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยดูแข็งแรงขึ้น ถ้าการฉีดวัคซีนเดินหน้าได้ตามเป้าหมาย ผมเชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นสูงขึ้นตาม

2. การกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องยังเป็นเรื่องสำคัญ ข้อดีคือรัฐบาลยังเหลือ “กระสุน” ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกพอสมควร ทั้งจาก พรก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ยังเบิกจ่ายไม่หมด พรก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาทที่ใช้ไปไม่ถึง 1 แสนล้านบาท และถ้าขยับเพดานหนี้สาธารณะขึ้นเป็น 70% รัฐบาลยังมีศักยภาพในการกู้เพิ่มได้อีกอย่างน้อย 1 ล้านล้านบาท โดยไม่ทำให้ฐานะทางการคลังอ่อนแอลง

3.การเมืองคือปัจจัยที่คาดเดายากที่สุด แต่ผมมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลอาจเลือกยุบสภาในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ทันทีที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ครบถ้วนและได้เปิดประเทศแล้วอย่างเต็มรูปแบบ เพราะน่าจะเป็นช่วงเวลาการเลือกตั้งที่รัฐบาลได้เปรียบที่สุด โดยปกติกิจกรรมทางเศรษฐกิจมักกระเตื้องขึ้นช่วงก่อนการเลือกตั้ง รวมทั้งบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้น

4. ถึงแม้ Forward P/E Ratio ของตลาดหุ้นไทยที่ 17 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังสิบปีที่ 16 เท่า แต่ก็ไม่ถือว่าแพง โดยเฉพาะถ้าดูปัจจัยอื่นประกอบ ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดในประวัติศาสตร์ วงจรผลประกอบการ (Earnings Cycle) ที่เริ่มกลับสู่ขาขึ้น และสภาพคล่องส่วนเกินที่ยังสูงเกิน 2 ล้านล้านบาท ที่สำคัญ Forward P/E Ratio ของตลาดหุ้นเกือบทุกประเทศก็สูงกว่าในอดีตทั้งสิ้น     

5.เม็ดเงินต่างชาติมีโอกาสไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย เพราะ SET Index ยังปรับขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น โดยเฉลี่ยตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นไปแล้ว 30% นับจากต้นปี 2020 ก่อนเกิด COVID-19 นำโดยตลาดหุ้นไต้หวัน +45% เกาหลี +42% และสหรัฐฯ +38% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแค่ 3% ผมเชื่อว่าการเร่งฉีดวัคซีนในช่วงที่เหลือของปีจะเป็น Catalyst สำคัญที่ทำให้ต่างชาติเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย  

6.ค่าเงินบาทน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว จากผลของการควบคุมการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพขึ้น การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในปีหน้าจะเสริมให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติ 

7. หลายคนกังวลว่าการลดวงเงิน QE ของ Fed ในช่วงปลายปี อาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงหนักเหมือนในปี 2013 แต่ผมเชื่อว่าผลกระทบในรอบนี้จะมีไม่มาก เพราะเศรษฐกิจโลกได้ฟื้นตัวเกินระดับก่อน COVID-19 ไปแล้ว ทำให้ความจำเป็นของ QE มีน้อยลง 

แน่นอน ตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจไทย ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างจำนวนมากที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในระยะยาว แต่สำหรับการลงทุนในระยะ 12 เดือนข้างหน้า หุ้นไทยยังเป็น Asset Class ที่น่าลงทุน เม็ดเงินมีแนวโน้มไหลเข้าตลาดหุ้นต่อเนื่องตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังต่ำกว่า 1% และสภาพคล่องยังล้นระบบ SET Index น่าจะมี Upside อีกไม่น้อยกว่า 10% จากระดับปัจจุบัน ตามอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีหน้า