WHA ลุ้น “กำไร” ทำสถิติสูงสุด ปรับเป้ายอดขายที่ดินเพิ่ม

WHA ลุ้น “กำไร” ทำสถิติสูงสุด ปรับเป้ายอดขายที่ดินเพิ่ม

“ดับบลิวเอชเอ” ปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 1.65 พันไร่ จากเดิม 1.25 พันไร่ หลังนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนไทยมากขึ้น สะท้อนผ่าน “จีน-ญี่ปุ่น-ยุโรป-สหรัฐ” ย้ายฐานการผลิตมาไทย

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ายอดขายที่ดินปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 1,650 ไร่ จากเดิม 1,250 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายที่ดินในประเทศไทยจำนวน 1,400 ไร่ และในประเทศเวียดนามจำนวน 250 ไร่ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกสามารถปิดดีลขายที่ดินไปได้แล้ว 513 ไร่ ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 2565 มีแนวโน้มที่มากขึ้น โดยยังมีการเจรจาดีลขายที่ดินนิคมฯ ที่ได้ทำ MOU กับลูกค้าไว้แล้วจะทยอยปิดดีลอีก 230 ราย และยังมีดีลอื่นๆ ที่จะปิดการขายเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือปีนี้ 

ทั้งนี้คาดว่าปีนี้ผลประกอบการทั้งรายได้ และกำไรมีโอกาสทำออไทม์ไฮได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องรอดูในช่วงไตรมาส 4 ปี 65 ส่วนยอดโอนที่ดินนิคมอุตสาหกรรมปีนี้คาดจะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,100 ไร่ จากการที่บริษัทสามารถปิดดีลขายที่ดินกับลูกค้าได้มากขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีมูลค่ายอดขายที่ดินที่รอโอน (Backlog) กว่า 649 ไร่ ที่จะทยอยโอนเข้ามา และคาดว่าในปี 66 จะมี Backlog ที่ทยอยโอนเข้ามาอีกมากกว่า 1,000 ไร่

สำหรับปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในเมืองไทยจำนวนมาก สะท้อนผ่านสัดส่วนนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของบริษัทในช่วงปี 2562-ปัจจุบัน พบประเทศจีน มีสัดส่วนสูงสุดถึง 41% , ญี่ปุ่น 7% , ยุโรป 8% และสหรัฐ 6% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มาแรงและโดดเด่นมาคือ กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยนักลงทุนต่างชาติอยากให้ไทยเป็นฮับในอุตสาหกรรมอีวีในรถพวงมาลัยด้านขวา  

WHA ลุ้น “กำไร” ทำสถิติสูงสุด ปรับเป้ายอดขายที่ดินเพิ่ม “เราเห็นการฟื้นตัวของผู้ประกอบการกลับมาเริ่มทยอยลงทุนกันมากขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง หลายประเทศรวมถึงไทยกลับมาเปิดเมืองและประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยกลุ่มลูกค้าที่กลับมาลงทุนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป กลับเข้ามาเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตอีกครั้ง”

รวมถึงมีกระแสการย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้ามาสู่อาเซียน ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่ภาคอุตสาหกรรมจะย้ายเข้ามา เช่นเดียวกับ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทำให้บริษัทได้อานิสงส์เชิงบวกในปัจจัยดังกล่าว 

ขณะเดียวกัน มองว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลบวกต่อกลุ่มประเทศอาเซียนในแง่ของการย้ายฐานการผลิตมาอีกในระยะยาว เพื่อผลิตสินค้าส่วนประกอบต่าง ๆ ป้อนให้กับผู้ผลิตชั้นนำในโลก ทำให้การเติบโตทางด้านความต้องการที่ดินนิคมอุตสาหรรมเพื่อก่อสร้างโรงงานในกลุ่มอาเซียนที่เป็นประเทศเกิดใหม่มีสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้า สินค้าอุปโภคและบริโภค และกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

สำหรับพื้นที่เช่าคลังสินค้าปีนี้ยังสามารถปิดดีลทำสัญญาลูกค้าเช่าพื้นที่คลังสินค้าใหม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ 185,000 ตารางเมตร จากในช่วงครึ่งปีแรกได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้ากับลูกค้าใหม่ไปแล้ว 98,214 ตารางเมตร รวมถึงมั่นใจสามารถทำสัญญาลูกค้าเช่าคลังสินค้าระยะสั้นได้ตามเป้าที่ 100,000 ตารางเมตร จากครึ่งปีแรกทำสัญญาลูกค้าเช่าพื้นที่คลังสินค้าระยะสั้นแล้ว 96,071 ตารางเมตร