CRC ลั่นธุรกิจฟู้ดขึ้นเบอร์1 ภายใน 3-5 ปี ปีนี้เร่งขยายสาขา

CRC ลั่นธุรกิจฟู้ดขึ้นเบอร์1 ภายใน 3-5 ปี ปีนี้เร่งขยายสาขา

“เซ็นทรัลรีเทล” คาด 3-5 ปีข้างหน้า “ธุรกิจกลุ่มอาหาร” มีสัดส่วนรายได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แซง กลุ่มธุรกิจแฟชั่น เหตุ มีการขยายตัวค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม มั่นใจปีนี้รายได้เติบโตเกิน 20%

นายไท จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า กลุ่มธุรกิจอาหาร (ฟู้ด) จะมีสัดส่วนรายได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทนที่ธุรกิจแฟชั่นที่เคยเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท และธุรกิจฮาร์ดไลน์จะขึ้นมาเป็นที่ 2  เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจฟู้ดมีการขยายตัวค่อนข้างสูงในประเทศเวียดนาม 

โดยในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นประเทศไทย 67-66% ปัจจุบัน 70% ประเทศเวียดนามสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30% จากปัจจุบัน 26% หลังบริษัทเร่งขยายสาขามากขึ้น และรายได้จากประเทศอิตาลี คาดจะลดลงมาอยู่ที่ 3-4% จากปัจจุบัน 6% 

"ใน 3 ปีข้างหน้าธุรกิจฟู้ดและฮาร์ดไลน์จะเติบโตค่อนข้างมาก และสามารถขึ้นมาแซงหน้าธุรกิจแฟชั่น จากธุรกิจแฟชั่นมีสัดส่วนใหญ่สุด ประมาณ 1 ใน 3 แต่หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจแฟชั่นค่อนข้างได้รับผลกระทบ ประกอบกับธุรกิจฮาร์ดไลน์และฟู้ดมีโอกาสในการขยายธุรกิจ และธุรกิจอาหารก็มีการขยายตัวในเวียดนามมาก" 

สำหรับ แผนการซื้อกิจการ (M&A) ปัจจุบันยังไม่มี แต่ถ้าร่วมมือกับพันธมิตร (JV)  หรือ การซื้อหุ้นยังคงมองหาโอกาสตลอด เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตอีกทางหนึ่ง โดยที่ผ่านมาบริษัทมีความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์แล้ว 5-6 แห่ง และ เชื่อว่าใน 6-12 เดือนข้างหน้า จะเห็นการเติบโตของรายได้ที่ดีขึ้น

CRC ลั่นธุรกิจฟู้ดขึ้นเบอร์1 ภายใน 3-5 ปี ปีนี้เร่งขยายสาขา นายไท กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 2 ปี 2565 และไตรมาส 3 ปี 2564 เนื่องจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และ ประเทศอิตาลี ยังคงสามารถเติบโตได้ โดยปี 2565 ยังมั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตเป็นไปตามเป้าที่ 15-20%

ขณะที่ รายได้ปีนี้ยังคงตั้งเป้าเติบโตเกิน 20% จากปีก่อนมีรายได้ 195,653.81 ล้านบาท โดยเป็นไปตามภาพรวมธุรกิจทั้งในไทย เวียดนาม และ อิตาลี ที่ฟื้นตัวเช่นกัน ทางด้านเงินลงทุนปีนี้คาดอยู่ที่ 18,000 -20,000 ล้านบาท โดยเน้นไปที่การขยายสาขาใหม่ และ การปรับปรุงสาขาเดิมอย่างต่อเนื่อง

โดยแผนการเปิดสาขาในประเทศไทย ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occurpency) สูงถึงระดับ 90% โดยมีแผนเปิดสาขาโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 3 สาขา ซึ่งปัจจุบันเปิดไปแล้ว 1 สาขา และ ในไตรมาส 3 ปี 2565 เปิดอีก 1 สาขา และ ไตรมาส 4 ปี 2565 จะเปิดอีก 1 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมี 27 สาขา รวมทั้งการปรับปรุงสาขาห้าง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าปรับปรุงสาขาห้างปีละ 2-3 แห่ง โดยปีนี้ปรับปรุง 3 สาขาคือ ลาดพร้าว , ชิดลม และพระราม 2 

ส่วนสาขาไทยวัสดุ ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 10 สาขา ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 3 สาขา และ จะทยอยเปิดอีก 7 สาขาในช่วงที่เหลือของปี และสาขาไทยวัสดุ+BnB อีก 2 สาขา ซึ่งจะทำให้ปีนี้เปิดบริการรวม 75 สาขา 

ขณะที่ ปัจจุบันบริษัทมี New Format ที่จะเปิดแห่งแรกในเมืองไทยคือ “TOP CLUB” โดยคาดว่าจะเปิดสาขาแรกย่านพระราม 2 ช่วงปลายเดือนก.ย. นี้ และการเปิดสาขา “GO” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าสไลต์ประเทศเวียดนาม โดยบริษัทนำมาเปิดสาขาแห่งแรกในไทยที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และตั้งเป้าเปิด 4 สาขา ในต่างจังหวัดทั้งหมด