ส.อ.ท.ห่วงปมขัดแย้ง”จีน-ไต้หวัน” กระทบขาดแคลนชิพลากยาว

ส.อ.ท.ห่วงปมขัดแย้ง”จีน-ไต้หวัน” กระทบขาดแคลนชิพลากยาว

ส.อ.ท. กังวลความเสี่ยงความขัดแย้งเกาะไต้หวันทำปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ (ชิพ) ขาดแคลนยืดเยื้อจะกระทบหลายอุตสาหกรรม

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนด้านพลังงาน และการขาดแคลนซัพพลายเชนวัตุดิบสำคัญ อาทิ ปุ๋ย อาหารสัตว์ และอาหารสด ซึ่งหากเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงยืดเยื้อ จะทำให้กว่า 80 ประเทศทั่วโลกต้องประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร

นอกจากนั้นความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ยังส่งผลต่อการขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (ชิพ) อาทิ ก๊าซนีออน ซึ่งยูเครนเป็นผู้ส่งออกกว่า 20% ของตลาดโลก รวมทั้งการส่งออกแร่สำคัญจากรัสเซียที่ยังถูกคว่ำบาตร ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาปัญหาการขาดแคลนชิพส่งผลกระทบให้ยอดการส่งออกยานยนต์ลดลงเกือบ 10%รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 

 

ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมยังต้องจับตาอีกหนึ่งปัญหาการขาดแคลนซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างจีนและไต้หวัน ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อมากแค่ไหน เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขาดแคลนชิพอย่างหนัก เพราะไต้หวันมีสัดส่วนเป็นผู้ส่งออกกว่า 64% ในตลาดโลก โดยเฉพาะบริษัท ทีเอสเอ็มซี (TSMC) ผู้ผลิตชิพรายใหญ่ของไต้หวันที่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกมากถึง 53% ซึ่งไม่สามารถทดแทนจากแหล่งอื่นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ 

ขณะนี้การซ้อมรบของจีนจะส่งผลกระทบในระยะสั้น มีการปิดน่านน้ำและน่านฟ้าซึ่งทำให้หลายเที่ยวบินต้องถูกยกเลิกและการขนส่งสินค้าติดขัด ทำให้การขาดแคลนชิพจะยิ่งรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ จีนยังงดนำเข้าสินค้าจากไต้หวันกว่า 2,000 รายการ รวมทั้งงดส่งออกทรายธรรมชาติ วัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิพไปยังไต้หวัน

 

"ส.อ.ท. กำลังเร่งตรวจสอบไปยังผู้ประกอบการที่มีความจำเป็นต้องใช้ชิพในการผลิตในหลายอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบ อาทิ รถยนต์ ยานยนต์ไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไฮเทค เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ว่าในระยะสั้นนี้จะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และในกรณีที่เหตุการณ์ความขัดแย้งยังยืดเยื้อ เพื่อเตรียมรับมือรวมทั้งหารือร่วมกับภาครัฐในการวางแผนการผลิตในอนาคตต่อไป"