“สุวัจน์”แนะเร่งแก้สินค้าแพง พร้อมผสานการเมืองใหม่-เก่า แก้ปัญหาชาติ

“สุวัจน์”แนะเร่งแก้สินค้าแพง พร้อมผสานการเมืองใหม่-เก่า แก้ปัญหาชาติ

“สุวัจน์” แนะเร่งแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงรากหญ้าด้านการเมืองหาร 100 หาร 500 สภาเป็นองค์กรที่จะต้องมีมาตรฐาน พี่น้องประชาชนหวังได้ เผย ชพน.ผสมผสานระหว่างการเมืองใหม่กับการเมืองเก่าช่วยกันออกแบบส่วนผสมทางการเมืองที่เหมาะสมกับบรรยากาศของประเทศ

วันที่ 7 ส.ค. 2565 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่จ.นครราชสีมา ภายหลังเป็นประธานเปิดงานด๊ะด๊าดดนตรีโคราช เทศบาลนครนครราชสีมา ประจำสัปดาห์ถึงสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาแพง ทุกชนิดปรับขึ้นราคา ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป(มาม่า) ค่าไฟฟ้า น้ำมันก๊าซ ว่า ขณะนี้เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่เอาที่ใกล้ตัวที่สุดคือ สินค้าราคาแพงเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอันนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก โดยเฉพาะประชาชนคนรากหญ้าฉะนั้น ตนคิดว่าต้องใช้หลายๆ มาตรการในการเข้าไปดูแลแก้ไข อันแรกที่ทำได้ตนคิดว่าการขอความร่วมมือจากผู้ผลิตจากโรงงานผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่อันนี้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องน่าที่จะเชิญพ่อค้าผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นขั้นพื้นฐานมาขอความร่วมมือว่าช่วงนี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนกันมาก พี่น้องประชาชนคือคนสุดท้ายไม่สามารถจะไปโยนภาระให้กับใครได้ 

ฉะนั้น ถ้าเกิดทุกคนโรงงานผลิตสินค้าใหญ่ๆ จะให้ความร่วมมือในการที่จะลดต้นทุน ลดกำไร เพื่อประคับประคองราคาสินค้าไม่ให้ขึ้นไปสูงในช่วงนี้ตนว่าก็จะได้ใจคนไทย ได้ใจพี่น้องประชาชน หรือมีประเด็นไหนที่มีกฎหมายควบคุมอันนี้ก็ต้องนำมาใช้อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องสินค้าราคาแพง อันนี้เป็นเรื่องที่น่าที่จะดำเนินการกัน หรือส่วนราชการไหนที่มีหน้าที่โดยตรงกับการขึ้นราคาและสามารถที่จะลดหย่อนผ่อนปรนหรือขยับออกไปได้บ้าง ยกตัวอย่าง เรื่องค่าไฟฟ้าที่เดิมทีมีข่าวว่าจะขึ้นไปเกือบ 5 บาทหมายความว่าจะขึ้นค่า FT อีกประมาณ 70 สต.แล้วจะทำให้ค้าไฟฟ้าขึ้นไปจนเกือบ 5 บาท อันนี้ถือว่าเป็นภาระกับพี่น้องประชาชนมาก แต่เมื่อวานนี้เห็นทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานที่มีหน้าที่ประกาศค่า FT ที่จะใช้ในช่วงปลายปีตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไปเห็นว่าก็จะยังไม่ประกาศใช้โดยได้เลื่อนการบังคับใช้ในเรื่องของประกาศอันใหม่ที่ว่าจะขึ้นประมาณ 68-70 สต.ประมาณนี้ ซึ่งยังไม่ประกาศมีการเลื่อนออกไปก่อน อันนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องขอบคุณที่หน่วยงานองค์กรอิสระที่ดูแลเรื่องสินค้าราคาแพงต่างๆ หรือราคาค่าไฟฟ้าต่างๆ ได้นำข้อกังวล ข้อวิตก ห่วงยใยความเดือดร้อนของพี่น้องปะชาชนมาพิจารณาแล้วยังไม่ประกาศใช้ อันนี้ตนต้องขอบคุณทางคณะกรรมการกิจการพลังงานที่ได้เห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ฉะนั้น ตนคิดว่าวันนี้ต้องช่วยกันคนละนิดคนละหน่อย ขอความร่วมมือ ใช้กฎหมายหรือชะลอการบังคับใช้ออกไปมันก็จะเป็นการลดภาระให้กับพี่น้องประชาชนได้

นายสุวัจน์ กล่าวถึงเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับสูตร หาร 500 หาร 100 มีการเล่นเกมไม่เข้าร่วมประชุมสภาว่า ตอนนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเลือกตั้ง ตนคืดว่าพี่น้องประชาชนก็คงสับสน เพราะพวกเราเองก็ยังสับสนเลย โดยเฉพาะเดี๋ยว หาร 100 เดี๋ยวหาร 500 ก็ยังไม่ทราบว่าจะหารอะไรแน่น แต่ที่สุดแล้วก็คงจะต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญด่านสุดท้ายที่จะเป็นผู้วินิจฉัยผลที่เกิดขึ้นจากสภา ที่สุดแล้วสภาตัดสินอย่างไร รัฐสภาให้ความเห็นชอบอย่างไร ไม่ว่าจะเห็นชอบ หาร 500 หรือหาร 100 ก็ต้องไปจบที่ศาล รธน.อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ากลไกก่อนที่จะไปศาล รธน. ตนคิดว่าสภาถือว่าเป็นองค์กรหลัก สถาบันหลักของประเทศถือว่าเป็นองค์กรที่จะต้องมีมาตรฐาน มีความเชื่อถือ พี่น้องประชาชนหวังได้ เชื่อได้ ฉะนั้น ตนว่ากฎเกณฑ์อะไรก็แล้วแต่ที่จะออกไปจากสภา สภาต้องยึดเป็นบรรทัดฐานที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง มาตรการฐานของสภาเป็นหลัก ส่วนผลของการวินิจฉัย การตัดสินอย่างไรเป็นเรื่องของเสียงส่วนใหญ่ที่จะดำเนินการ แต่ว่ากลไก ขั้นตอน วิธีการต่างๆ ตนอยากให้โปร่งใสและพี่น้องประชาชนให้การยอมรับ เพราะที่สุดแล้วปัญกาของบ้านเมืองก็ต้องอาศัยสภา ฉะนั้น สภาต้องมีมาตรฐาน ส่วนจะ 100 หรือ 500 อะไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งก็แล้วแต่เสียงส่วนใหญ่จะพิจารณากันว่าจะว่าอย่างไร 

ส่วนทาง ดร.วิษณุ เครืองาม ระบุว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่พิสดารยิ่งขึ้นไปอีกนั้น ตนคิดว่าถ้าเกิดเราทำอะไรกันดูง่ายๆไม่สลับซับซ้อน ชัดเจน ไม่เวียนหัว มันก็จะไม่มีปัญหา ตนคิดว่าเรื่อง 100 หรือ 500 ตนเปรียบเหมือนกติกาที่จะออกมาใช้แล้วพรรคการเมือง นักการเมืองทุกคนก็เป็นนักกีฬาเราก็เล่นตามกติกา กติกาออกมาอย่างไรเป็นเรื่องที่เราต้องไปปรับกลยุทธ์ในการที่อยากที่จะแพ้ หรืออยากที่จะชนะ ขอให้เป็นกติกาที่เป็นธรรมและออกมาด้วยขั้นตอนต่างๆที่ถูกต้องและได้รับการยอมรับ 

ส่วนที่มีการตั้งพรรคเกิดขึ้นรองรับตรงนี้เป็นพรรคนั่งร้านให้นายกรัฐมนตรีนั้น ตนคิดว่าก็แล้วแต่มุมมอง แต่ว่าช่วงนี้ก็มีพรรคใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะมาก ตนก็คิดว่าเป็นสัญญาณที่ดีอย่างน้อยก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ไม่ต้อลุ้นแล้วว่ามีการเลือกตั้งหรือไม่มีเลือกตั้ง แสดงว่าทุกคนสบายใจกันแล้วว่าเรามีเลือกตั้งแน่ๆ มันก็เป็นสัญญาณที่ดีกับระบอบประชาธิปไตยของประเทศ ส่วนพรรคใดจะได้รับมากน้อยจะไปสนับสนุนใครก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์นโยบายของแต่ละพรรค ซึ่งในที่สุดแล้วพี่น้องประชาชนก็จะรู้จะเห็นพรรคนี้มีอุดมการณ์อย่างนี้มีนโยบายอย่างนี้สนับสนุนคนนี้ คนตัดสินใจคนสุดท้ายอยู่ที่พี่น้องประชาชน ฉะนั้นถ้าเกิดผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรแล้วทุกพรรคแสดงอดมการณ์นโยบายที่ชัดเจนออกไปแล้วพี่น้องประชาชนตัดสินมาอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้ยอมรับกัน

ตอบข้อถามว่าขณะนี้หลายพรรคการเมืองลงพื้นที่กันประกาศว่าจะได้ ส.ส.ทั้งจังหวัด ในส่วนของพรรคชาติพัฒนามีความพร้อมอย่างไรนั้น

นายสุวัจน์ ตอบว่าผมคิดว่าเราก็จะทำให้ดีที่สุดเที่ยวนี้ ต้องคัมแบ็คกลับมาด้วยเสียง ส.ส.ที่มากเพียงพอที่จะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เที่ยงนี้พรรคฯมีความมุ่งมั่นที่จะต้องเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะเป็นสิ่งที่เราถนัดและเราคิดว่าเรามีประสบการณ์และคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ฉะนั้น ถ้าเกิดเราได้เสียงน้อยการทำงานมันก็ผลักดันอะไรเพื่อพี่น้องประชาชนได้ยาก แต่ถ้าเรามีเสียงมาก ได้รับความไว้วางใจมาก นโยบายมาตรการต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจเรามั่นใจ ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้เราอยากที่จะให้ได้รับผลการเลือกตั้งที่เสียง มีเสถียรภาพเพียงพอที่เราจะได้เข้าไปช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ส่วนจะได้เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน

ส่วนกระแสตอบรับการเปิดสาขาพรรคฯ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคนั้น ตอนนี้เราก็เริ่มทยอย อย่างการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อ.แถลง จ.ระยอง เราก็พยายามผสมผสานระหว่างการเมืองใหม่กับการเมืองเก่า วันนี้ตนว่าเราต้องช่วยกันออกแบบส่วนผสมทางการเมืองที่เหมาะสมกับบรรยากาศของประเทศ ทำอย่างไรที่เราก็มีคนรุ่นใหม่ มีเลือดใหม่ มีนักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามา จุดแข็งของนักการเมืองรุ่นใหม่เขามีไฟ เขามีความฟิตซ้อม มีสุขภาพที่แข็งแรง มีมันสมอง มีวิชาการ มีเทคโนโลยี นี่เป็นจุดแข็ง แต่ขณะเดียวกันการเมืองก็ยังต้องการคนรุ่นเก่าที่สั่งสมประสบการณ์ทางการเมือง ประสบการณ์การบริหาร หรือเรียนรู้ประวัติศาสตร์ทางการเมืองว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ วัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันทางการเมืองที่ทำให้การเมืองมีความปรองดองรักใคร่สามัคคี ฉะนั้นตนว่าถ้าเรามีส่วนผสมของการเมืองรุ่นเก่าบวกกับการเมืองรุ่นใหม่แล้วให้ลงตัวแล้วก็มีการถ่ายทอดคนรุ่นเก่าก็ถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ก็ส่งผ่านเทคโนโลยีความรู้ใหม่ๆไปยังคนรุ่นเก่าแล้วเกิดการตกผลึกของความคิดที่เป็นส่วนผสมที่เป็นกลางและเป็นประโยชน์ให้ประเทศชาติ

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคชาติพัฒนาก็มองประเด็นทางการเมืองอย่างนี้ว่า เราเองก็ถือว่าเป็นพรรคที่เดินสายกลาง ประนีประนอมเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงานให้กับประเทศ ฉะนั้นโครงสร้างของการจัดสรรผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเราก็จะมีสัดส่วนของสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีก็คือ ผู้ชาย กับผู้หญิงที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความเสมอภาคแล้วก็สัดส่วนของคนรุ่นใหม่กับสัดส่วนของนักการเมืองรุ่นเก่าที่จะช่วยกันทำงานช่วยกันระดมสมอง เพื่อให้เกิดผลลัพท์ทางการเมืองที่ดีที่สุดจะได้เป็นพลังในการขับแคลื่อนนโยบายของพรรคฯทำงานให้กับประเทศได้ อย่างการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร อ.แถลง จ.ระยองเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่เราอยากได้อย่างนี้ และเขาก็ไม่ใช่คนใหม่ที่ไม่รู้เรื่องการเมืองเพราะคุณพ่อเขาเคยเป็นอดีตวุฒิสมาชิก และเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ ฉะนั้นเราก็พยายามผสมผสานให้ได้คนที่ดีที่สุดที่จะมาทำงานให้กับประเทศชาติ ตอนนี้เราก็จะทยอยเปิดไปทุกสัปดาห์ไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่ จ.นครราชสีมาตอนนี้ก็คิดว่าถ้าเป็นไปตามที่ กกต.กำหนดไว้ 16 เขตตอนนี้เราเตรียมผู้สมัครไว้ได้เกิดครึ่งแล้ว 

“โคราชยังไงเราก็ต้องส่งครบทุกเขตทั้ง 16 เขต เพราะโคราชถือว่าเป็นเรือนตาย เป็นบ้านของพรรคชาติพัฒนาฉะนั้นที่โคราชต้องส่งครบแล้วคุณภาพต้องเป๊ะ ประกาศชื่อมาแล้วพี่น้องประชาชนไว้วางใจได้ เพราะเราจะใช้พลังของคนโคราชจะเป็นพลังหลักในการสร้างพรรคชาติพัฒนาให้คัมแบ็คกลับมา เพื่อทำงานให้กับประเทศอีกครั้งหนึ่ง” นายสุสัจน์ กล่าว 

ต่อข้อถามว่า ส่วนจะได้สัก 10 เก้าอี้นั้น นายสุวัจน์ กล่าว่าเราก็อยากได้มาก แต่ทุกพรรคก็มากก็มากันมากก็ยังไม่ทราบว่าจะได้เท่าไหร่ แต่พูดตรงๆ ยากได้เยอะ ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี ตอนที่พรรคฯได้ ส.ส.มากที่สุดโคราช ตอนที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัญ ตอนนั้นท่านถูกปฏิวัติแล้วท่านก็กลับมาก็ตั้งพรรคชาติพัฒนา ตอนนั้นมีกระแสว่าจะเอานายกรัฐมนตรีไว้ที่โคราชกระแสเอาพล.อ.ชาติชายฯ คัมแบ็ค ตอนนั้นพรรคชาติพัฒนาได้ 15 คนจาก 16 คน ตอนที่กระแสนายกฯไว้โคราช เพราะทุกคนก็เห็นวันที่นายกฯอยู่โคราช โคราชเจริญ โคราชเป็นประตูสู่อีสาน โคราชเจริญทางด้นเศรษฐกิจมาก ฉะนั้นความรู้สึกนึกคิดอย่างนั้น อันนี้เป็นเรื่องของอดีต อันนี้ตอบคำถามว่าเราไปได้ถึง 15 คน แต่ไม่ได้หมายความว่าเที่ยวนี้เราจะได้15 คน แต่ว่าประวัติศาสตร์เราเคยมี 

 

“เราจะทำให้ดีที่สุดทั้งนโยบายในการพัฒนาโคราชนโยบายที่จะนำเศรษฐกิจยุคทองของโคราชกลับมา ท่านชาติชายฯเคยทำไว้อย่างไร โคราชยิ่งใหญ่อย่างไร ชาติพัฒนาจะนำสิ่งนั้นกลับมาสู่พี่น้องประชาชนชาวโคราชอีกครั้งหนึ่งขอเพียงอย่างเดียวว่าให้เรามีเสียเยอะๆ เราจะนำสิ่งนั้นกลับมา “ นายสุวัจน์ฯกล่าว