ซิงเกอร์เร่งขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ดันรายได้เพิ่มอีก 15%

ซิงเกอร์เร่งขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ดันรายได้เพิ่มอีก 15%

“ซิงเกอร์” เผยไตรมาส4 ขยายไลน์ขายผลิตภัณฑ์ใหม่ หวังดันรายได้เพิ่มอีก 15% เร่งเพิ่มพนักงานขายเป็น 10,000 คนปีนี้

บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เผย ไตรมาส 4/59 บริษัทได้ทยอยนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกจำหน่าย ทั้งกลุ่มกล้องถ่ายรูปดิจิตอลแบรนด์ชั้นนำ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และกลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หลังปรับกลยุทธ์เพิ่มจำนวนพนักงานขายเป็น 10,000 คนภายในสิ้นปีนี้ คาด สร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเข้ามากว่า 15%

 นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้อำนวยการสายงานการขายและการตลาด บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า ไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาจำหน่ายจำนวนมาก ซึ่งช่วงต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มจำหน่ายสินค้าประเภทกล้องถ่ายรูปดิจิทัล ภายใต้แบรนด์ Nikon, Gopro, Fuji, Canon และ Casio และยังมีสินค้ากลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Appliance) ภายใต้แบรนด์ SINGER ได้แก่ ลำโพงบลูทูธ, วิทยุพกพา, หม้ออบลมร้อน และหม้อหุงข้าว เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับประกัน เป็นการขายประกันอุบัติเหตุ, ประกันภัยรถยนต์ รวมถึงการให้สินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้น (Revolving Loan) และสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ โดย J Money ซึ่งเปิดตัวภายในเดือนพ.ย.นี้ ใช้เครือข่ายจำนวนพนักงานขายที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าสินเชื่อดังกล่าว อยู่ในต่างจังหวัดที่มีรถยนต์ทุกประเภท เช่น รถบรรทุก, กระบะ เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดไตรมาส 4 บริษัทจะเริ่มมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามากว่า 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ 1.44 พันล้านบาท เป็นผลมาจากกลยุทธ์การเพิ่มพนักงานขายไปสู่เป้าหมาย 10,000 คนภายในสิ้นปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าพนักงานขายเพียง 5,000 คน ล่าสุดสิ้นเดือนก.ย.บริษัทมีพนักงานขายแล้วกว่า 6,000 คน 

อีกทั้งบริษัทจะเน้นการขายสินค้าให้กับโครงการประชารัฐ ซึ่งเชื่อว่า จะช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าประเภทตู้เติมน้ำมัน ตู้หยอดเหรียญเครื่องซักผ้า และตู้เติมเงิน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่หมู่บ้านในโครงการประชารัฐจะได้รับเงินสนับสนุนมาเพื่อซื้อสินค้าไปอำนวยความสะดวกคนในหมู่บ้าน ตามมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตามแนวทางประชารัฐ จัดสรรงบประมาณหมู่บ้านละ 250,000 บาท เป้าหมาย 74,655 หมู่บ้าน ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท

แม้รายได้ในครึ่งปีหลังจะมีทิศทางในการเติบโตมากขึ้น แต่ภาพรวมรายได้ของทั้งปีนี้ ยังมีแนวโน้มทรงตัวจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3.39 พันล้านบาท เพราะครึ่งปีแรกเป็นช่วงที่บริษัทปรับโมเดลทางธุรกิจใหม่ ส่งผลให้ธุรกิจเกิดความชะงักไปบ้าง แต่หลังจากปรับเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทำให้ธุรกิจดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทหันมาเน้นการเติบโตของกำไรให้เพิ่มมากขึ้น จากการขายสินค้าเชิงพาณิชย์ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น ตู้เติมน้ำมัน ตู้หยอดเหรียญเครื่องซักผ้า และตู้เติมเงินเป็นต้น

ส่วนการเคลื่อนไหวราคาหุ้น ณ เวลา 16.25 น. อยุ่ที่ 10.20 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ1.29% มีมูลค่าการซื้อขาย 4.55 ล้านบาท