KBANK คาดปิดดีลถือหุ้น ‘แมสเปี้ยน’อินโดฯ เพิ่ม67% สิ้นปีนี้

KBANK คาดปิดดีลถือหุ้น ‘แมสเปี้ยน’อินโดฯ เพิ่ม67% สิ้นปีนี้

KBANK เดินหน้าขยายรายได้ต่างประเทศ ตั้งเป้าปีหน้า รายได้แตะ 9พันล้าน ยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่า“แสนล้าน” จ่อขยายลงทุนประเทศอื่นๆมากขึ้น แย้มมีผู้เสนอทำธุรกิจเอเอ็มซี ที่จีน คาดปิดดีลถือหุ้นธนาคารแมสเปี้ยนในอินโดเพิ่มเป็น 67% สิ้นปีนี้

         นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย  (KBANK)กล่าวว่า  จากการขยายธุรกิจในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเติบโตรายได้ของธนาคารในต่างประเทศเติบโตมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะปีหน้า  คาดว่าจะมีรายได้สุทธิจากต่างประเทศ เพิ่มเป็น 5% หรือ 9 พันล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 พันล้าน หรือ 2.2%  ส่วนการปล่อยสินเชื่อก็น่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท

   "รายได้ที่เพิ่มขึ้นหลักๆจะมาจากสาขาในจีน 4,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นเวียดนามและกัมพูชา ส่วนอินโดนีเซียยังไม่มีรายได้ แต่จะทยอยรับรู้รายได้มากขึ้น"

   ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในธนาคารแมสเปี้ยน (PT Bank Maspion Indonesia Tbk) ประเทศอินโดนีเซีย ผ่าน บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล (KVF) เบื้องต้นอยู่ระหว่างการอนุมัติจากทางการอินโดนีเซีย เพื่อให้ KVF เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 67.50% จากเดิมถืออยู่ที่ 9.9%  มูลค่าลงทุน220 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7,556 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าทางการอินโดนีเซียน่าจะอนุมัติการถือหุ้นเพิ่ม เสร็จสิ้นในปลายปีนี้

       โดยภายในต้นปี 2566 จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมกับธนาคารแมสเปี้ยน เพื่อเปลี่ยนคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงในธนาคาร โดย 3 ใน 5 ท่าน และจะมีการ ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (tender offer) เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบของอินโดนีเซียต่อไป
 

       สำหรับการเข้าไปขยายธุรกิจ ในอินโดนีเซีย ถือเป็นโอกาสที่สำคัญของธนาคาร เพราะอินโดนีเซียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีประชากรค่อนข้างมาก ดังนั้นเป็นโอกาสที่สำคัญ ที่จะทำให้ธนาคารเข้าไปเจาะฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะลูกค้าท้องถิ่น และลูกค้าภายนอกประเทศ (Off Shore)ได้เพิ่มขึ้น 

         นอกจากอินโดฯ ธนาคารยังเปิดโอกาส และหาจังหวะในการลงทุนประเทศอื่นๆเพิ่มเติม แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นการเข้าไปซื้อกิจการในธุรกิจใหญ่ๆ เพียงแต่ขอให้มี ใบอนุญาตหรือไลเซ่นส์ในการทำธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสให้ธนาคารมากขึ้น

         อย่างไรก็ตาม ด้วยศักยภาพของธนาคารกสิกรไทย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา มีนักลงทุน และธุรกิจต่างๆเข้ามานำเสนอ และพูดคุยเพื่อให้เข้าร่วมทำกิจการจำนวนมาก เช่น การเสนอให้เข้าไปลงทุนในบริษัทจีน ที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หรือเอเอ็มซี ภายใต้สินทรัพย์ด้อยค่าที่มีจำนวนมาก

     ดังนั้นเหล่านี้อาจเป็นโอกาสดีสำหรับธนาคารเช่นเดียวกับเวียดนามที่ มีดีลที่น่าสนใจเข้ามาต่อเนื่อง เช่น ที่เกี่ยวกับ Consumer Finance ธุรกิจคล้ายเงินติดล้อเป็นต้น