Fund flow หนุน (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

Fund flow หนุน (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

ตลาดหุ้นวานนี้ ภาคเช้า SET Index ลดลง 13 จุด จากแรงเทขายหุ้นกลุ่ม อิเล็กฯ และไฟแนนซ์ผิดหวังงบของ KCE และ MTC อีกทั้งมี Sentiment ลบจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ลดลงเนื่องจากรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ดัชนีกลับมาฟื้นตัวในช่วงบ่ายจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานตอบรับผลประกอบการ 2Q22 ที่ออกมาดีเกินคาดนำโดย IVL และ ESSO

 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

ประเมิน SET ปรับตัวขึ้น 1,625 - 1,630 จุด ตอบรับตัวเลขวัดเงินเฟ้อ CPI สหรัฐเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดโดย +8.5% YoY จึงคาดหวังว่า FED จะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย (โดย Fedwatch ให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 20-21 ก.ย.) ซึ่งเป็นบวกต่อกระแส Fund flow นอกจากนี้แรงซื้อหุ้นงบ Q2/65 เติบโตยังคงเป็นแรงหนุนดัชนีในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามให้ระวังแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว 3 วันที่จะกดให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

        KBANK BBL SCB TTB  อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น 

        KCE HANA DELTA อานิสงส์หุ้นกลุ่ม Tech ฟื้นตัวขึ้น

        กลุ่มหุ้นที่คาดว่างบ 2Q22 เติบโต CKP GFPT SPRC  CENTEL JMART JMT

 

หุ้นแนะนำวันนี้

IVL (ปิด 44 บาทซื้อ/เป้า 60 บาท) ประกาศงบ 2Q22 ดีเกินคาดมีกำไรสุทธิ 20,278 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 44%qoq และ 143%yoy สูงกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 45% และ 40% ตามลำดับ โดยมียอดขายที่สูงขึ้นและ Spread ของ MTBE ที่พุ่งแตะระดับ 888$/ton สูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นปัจจัยหนุน

BANPU (ปิด 13.20 บาทซื้อ/เป้า 17 บาท) มีกำไรสุทธิ 2Q22 ที่ 1.28 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 25%qoq และ 865%yoy มากกว่าที่เราและ Consensus คาดไว้ 27% และ 37% ปัจจัยหนุนมาจากราคาขายถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นทั้งในอินโดฯ และ ออสเตรเลียเช่นเดียวกับราคาก๊าซในสหรัฐปรับตัวขึ้นเช่นกัน

 

 

 

บทวิเคราะห์วันนี้

BANPU, BGRIM, IVL, KEX, PSH, PTTGC, STGT, WHA, WHAUP

 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) คลายกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด: สหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% จาก 9.1% ในเดือน มิ.ย. และต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 8.7% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวที่ระดับ 5.9% แต่ต่ำกว่าที่ Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.1% ปัจจัยนี้ทำให้ความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มีน้ำหนักเพียง 38.5% และมีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เพิ่มขึ้นเป็น 61.5%

(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ จากสต๊อกน้ำมันเบนซินในสหรัฐลดลง: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 91.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐลดลง  5 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล นับเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 10 เดือน สะท้อนดีมานด์พลังงานในสหรัฐที่ค่อยๆ ฟื้นตัว

(+/-) แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี แต่เป็นที่รับรู้อยู่แล้ว: คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6:1 ให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จาก 0.50% เป็น 0.75% โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ เราให้น้ำหนักเป็นกลางเนื่องจากตลาดรับรู้ไปแล้ว ประกอบกับมติ 6:1 สะท้อนให้เห็นแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป (คาดปีนี้ขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25%)