TU - Risk-Reward น่าสนใจ (10 สิงหาคม 2565)

TU - Risk-Reward น่าสนใจ (10 สิงหาคม 2565)

กำไรสุทธิใน 2Q อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (-31% yoy, -7% qoq) ในขณะที่เรามองว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q มีแนวโน้มจะดีขึ้นจาก (1) ปัจจัยฤดูกาล และ (2) ต้นทุนปลาทูน่าลดลง

ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นปรับปรุง conversion cost เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น เรามองว่า TU จะได้รับผลกระทบไม่มากนักจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 20 บาท (จากเดิม 19 บาท)

 

กำไรสุทธิใน 2Q อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (-31% yoy, -7% qoq)

ผลประกอบการใน 2Q ดีกว่าประมาณการของเรา 29% และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 10% เนื่องจาก (1) รายได้อื่นสูงถึง 651 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานของเราที่ 300 ล้านบาท และ (2) มีรายการเครดิตภาษี 346 ล้านบาท ในขณะที่เราใช้สมมติฐานว่าจะมีค่าใช้จ่ายภาษี 220 ล้านบาท

บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพทางด้านต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจะลด conversion cost ลงปีละ 3% ระหว่างปี 2022-2025 โดยเฉพาะที่โรงงานในประเทศไทย เราประเมินว่าถ้าหากบริษัทสามารถลด conversion cost ลงได้ 3% อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 0.5%

 

 

 

คาดว่าจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ต้นทุนแรงงานคิดเป็น 5.5% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดของบริษัท เราคาดว่าถ้าหากมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8% อัตรากำไรขั้นต้นของ TU จะลดลง 0.23-0.36% นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติช่วยลดการพึ่งพาแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพรวมถึงอัตรากำไรขั้นต้น

 

ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ และปรับราคาเป้าหมายเป็น 20 บาท (จาก 19 บาท)

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี FY22F ขึ้นอีก 7% เป็น 7.1 พันล้านบาท และปี FY23F ขึ้นอีก 6% เป็น 9.0 พันล้านบาท หลังจากที่ ปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปีนี้จากเดิมที่ 33.75 บาท/USD เป็น 35.00 บาท/USD และปีหน้าจากเดิมที่ 32.75 บาท/USD เป็น 34.50 บาท/USD ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาอยู่ที่ 17.00 บาท คิดเป็น 11.0x ของ EPS ปี FY22F เท่ากับค่าเฉลี่ยห้าปีย้อนหลังที่ -1.5 S.D. ซึ่งหมายความว่าความเสี่ยงด้าน downside ต่ำ ในขณะที่ราคาหุ้นยังมี upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกถึง 18% ซึ่งเมื่อพิจารณาจาก risk-reward ที่น่าสนใจของ เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำ TU เป็น ซื้อ