CK - (บริษัท) ลูกดีมีเฮ (8 สิงหาคม 2565)

CK - (บริษัท) ลูกดีมีเฮ (8 สิงหาคม 2565)

เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q จะอยู่ที่ 355 ล้านบาท (+12% yoy, +193% qoq) โดยบริษัทไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนักจากการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 23.80 บาท เนื่องจาก

(1) backlog ยังมีคุณภาพดี (2) มีโอกาสได้งานโครงการใหม่ ๆ และ (3) รายได้จากเงินปันผล และ equity income จะเพิ่มขึ้น

 

ผลประกอบการ 2Q จะดีขึ้นทั้ง yoy และ qoq

เราคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นเนื่องจากรายได้เงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจาก TTW, BEM และ CKP เพิ่มขึ้น โดยเราคาดว่า CK จะบันทึกรายได้จากเงินปันผลของ TTW 232 ล้านบาท ในขณะที่จะบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก BEM 194 ล้านบาทและจาก CKP 263 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน รายได้จากการก่อสร้างจะลดลง qoq เหลือ 3.3 พันล้านบาท เนื่องจาก (1) ไม่มีการบันทึกรายได้จากงานก่อสร้างล่วงหน้าในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่หลวงพระบาง 3.5 พันล้านบาทเหมือนกับใน 1Q และ (2) มีวันหยุดยาวใน 2Q ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q22F จะอยู่ที่ 355 ล้านบาท (+12% yoy, +193% qoq)

 

มีโอกาสได้เซ็นสัญญาโครงการใหม่ ๆ เพิ่มอีก

ยอด backlog ในมือของ CK ณ วันที่ 31 มีนาคมอยู่ที่ 6.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4.59 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2021 เราคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบางมูลค่า 8 หมื่นล้านบาทอาจจะเซ็น PPA ได้ก่อนสิ้นปีนี้ ในขณะที่ รฟม. เปิดรับซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม และเปิดซองในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะมีการเสนอผลการประมูลต่อคณะรัฐมนตรี และลงนามในสัญญาได้ภายในสิ้นปีนี้ (หากศาลปกครองกลางยกฟ้องกรณีที่ BTS ยื่นฟ้องร้องขอยกเลิก TOR สายสีส้มฉบับใหม่)

 

 

คาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ต้นทุนของโครงการก่อสร้างแต่ละโครงการแบ่งคร่าว ๆ เป็นต้นทุนเหล็กและปูน 20% ต้นทุนแรงงาน 15% และต้นทุนอื่น ๆ อีก 45% ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานกำลังเตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก 5-8% ในเดือนสิงหาคมเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเมื่ออิงตามแบบจำลองของเรา การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8% จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ CK ลดลง 0.7-1.1% นอกจากนี้ เรายังมองว่าโครงการใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาใน backlog จะสะท้อนต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงขึ้น และช่วยลดผลกระทบด้านลบจากการขึ้นค่าแรง

 

คงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 23.80 บาท

โดยมีปัจจัยหนุน 3 ประการ (1) คุณภาพ backlog ดีกว่าคู่แข่ง (2) มีโอกาสได้งานโครงการใหม่ ๆ และ (3) รายได้เงินปันผลและ equity จะเพิ่มขึ้นจาก TTW, BEM และ CKP ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายของเราคำนวณโดยวิธี SoTP