ภาษีใหม่ดันราคา'เหล้า-เบียร์'พุ่ง

ภาษีใหม่ดันราคา'เหล้า-เบียร์'พุ่ง

ค้าปลีกขานรับภาษีแอลกอฮอล์ขึ้นราคาเหล้า-เบียร์ ก่อนผู้ผลิต-ผู้นำเข้าประกาศราคาใหม่ หวั่นสินค้า "ขาดตลาด" เหตุโรงงาน-เอเย่นต์ตุน หวังโกยกำไร

การปรับโครงสร้างภาษีแอลกอฮอล์ของกรมสรรพสามิต ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการ "เคาะราคาขายใหม่" ขณะที่ตลาดมีการปรับราคาขายก่อนหน้าแล้ว

นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น ไทเกอร์ กล่าวว่า หลังจากกรมสรรพสามิตได้ปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ไปเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ร้านค้าปลีกปรับราคาทั้งเหล้าและเบียร์โดยอัตโนมัติ ขณะที่บริษัทยัง "ไม่ได้" ประกาศปรับราคา ส่วนจะปรับเมื่อไหร่จะต้องพิจารณาและคำนวณอัตราภาษีใหม่ให้เสร็จก่อน

ขณะที่การแจ้งขอปรับขึ้นราคากับกรมสรรพสามิต เชื่อว่าทุกผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ได้ดำเนินการแล้ว รวมทั้งบริษัทด้วย คาดว่าจะปรับราคาเล็กน้อย โดยกระบวนการยื่นชำระภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องดำเนินการก่อนผลิตสินค้า (พรีเพด แท็ก) ตามปริมาณการผลิต แต่หากผู้ผลิตต้องการเปลี่ยนราคาขายต้องแจ้งการชำระภาษีใหม่ภายใน 15 วัน

"การขอขึ้นราคาเชื่อว่าทุกบริษัทแจ้งต่อกรมสรรพสามิตแล้ว การยื่นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ผลิตในประเทศต้องจ่ายภาษีล่วงหน้าก่อนผลิต เป็นระบบพรีเพดจ่ายตามปริมาณการผลิตเป็นล็อตๆไป การขอขึ้นราคาต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนที่ราคาเหล้า เบียร์ในตลาดที่ปรับไปแล้ว เกิดจากเอเย่นต์ และร้านโชห่วยปรับกันเอง โดยที่บริษัทยังไม่ได้ปรับราคาขาย เนื่องจากการคำนวณภาษีใหม่ยาก ต้องคิดใหม่หมด" นายปริญ กล่าว

นายปริญ ย้ำว่าบริษัทไม่ได้สต็อกเบียร์ ยังคงผลิตสินค้าปริมาณเท่าเดิม ส่วนการสต็อกหรือกักตุนสินค้าโดยเอเย่นต์ และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) เชื่อว่าคงทำได้จำกัด เนื่องจากพื้นที่เก็บสินค้ามีเท่าเดิม

เชื่อกระทบเบียร์อีโคโนมีมากที่สุด

การปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลต่อตลาดเบียร์มากที่สุด เพราะอัตราภาษีใหม่สูงถึง 48% คาดว่าปีนี้ตลาดเบียร์จะหดตัวลง โดยเฉพาะตลาดเบียร์อีโคโนมี ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่จากมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.5-1.6 แสนล้านบาท ในปริมาณยอดขายรวมที่ 2.1 พันล้านลิตร

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า การสต็อกสินค้าของร้านค้าเริ่มเห็นตั้งแต่วันที่ 4-5 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลปรับโครงสร้างภาษีใหม่ แต่การสต็อกสินค้าขึ้นอยู่กับขนาดของร้านค้า หากเป็นร้านค้าที่มีเงินมากอาจสต็อกได้มาก ขณะที่ร้านค้าขนาดเล็กที่ซื้อด้วยเงินสดทุกๆ 1-2 วัน ก็จะสต็อกได้ไม่มาก

โรงงาน-เอเย่นต์ตุนเหล้า-เบียร์ ฟันกำไร

แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเอเย่นต์รายใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ ได้มีการสต็อกสินค้าไว้จำนวนมาก เพื่อหวังสร้าง "กำไร" จากสินค้าต้นทุนเดิม ส่งผลให้สินค้าเริ่มขาดตลาด โดยเฉพาะช่องทางร้านค้ารายย่อย และร้านโชห่วย

"เหล้า เบียร์ จะขาดตลาดนานแค่ไหนคงตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแบรนด์และเอเย่นต์ จะยอมปล่อยสินค้าออกจากสต็อกหรือไม่ ตลาดแอลกอฮอล์มีผู้เล่นน้อยราย สินค้าบางประเภท เช่น สุราขาว สุราสี มีผู้ผลิตเพียงรายเดียว ยิ่งเผชิญปัญหาขาดแคลนสินค้าหนัก หากมีคู่แข่งมาก เชื่อว่าผู้ผลิตต้องเร่งระบายสินค้าเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้"

ส่วนร้านค้าปลีกสมัยใหม่มีการสต็อกสินค้าไว้ในจำนวนที่ได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายสินค้ากับโรงงานโดยตรง คาดมีสินค้าไม่น้อยกว่าเอเย่นต์เช่นกัน

"โรงงานผลิต กับเอเย่นต์ไม่ยอมส่งสินค้าให้ยี่ปั๊วซาปั๊ว เพราะรอราคาใหม่ การปรับขึ้นราคาแต่ละครั้งมีผลต่อรายได้จำนวนมาก เอเย่นต์รายใหญ่ๆ จะมีสินค้าในสต็อกเป็นหมื่นลัง หากขึ้นราคา 50 บาทต่อลัง คิดเป็นเงินมหาศาล ปัจจุบันเอเย่นต์รายใหญ่มีไม่กี่ราย เพราะถูกแบ่งเขตแบ่งพื้นที่ขายหมดแล้ว ส่วนร้านค้าปลีกสมัยใหม่มีสัญญากับโรงงานโดยตรงหากไม่ได้รับสินค้าตามจำนวนที่ตกลงไว้ต้องมีค่าปรับ"

โชห่วยปรับราคาเหล้าขาว เหล้าสี เบียร์

แหล่งข่าวจากร้านค้าโชห่วยในต่างจังหวัด กล่าวว่า ได้ปรับราคาเหล้าขาว เหล้าสี เบียร์ทุกยี่ห้อขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และพยายามหาซื้อสินค้าสต็อกไว้ ยอมรับมีปัญหาสินค้าขาดตลาดอย่างมาก โดยเฉพาะเหล้าสียี่ห้อหงส์ทอง มีสต็อกเพียง 3-4 ลัง ส่วนเบียร์มีสต็อกมากเพียงบางยี่ห้อ เช่น ลีโอ 60-70 ลัง เบียร์สิงห์ 1-2 ลัง เบียร์ช้าง 32 ลัง คาดจำหน่ายได้ 1 เดือน

"ส่วนใหญ่ซื้อยกโหลจากร้านยี่ปั๊วซาปั๊ว จึงได้ปริมาณมาก ทั้งที่จริงอยากซื้อในเทสโก้ โลตัสมากกว่า เพราะว่าราคาถูกกว่า 10-20 บาทต่อลัง แต่ เทสโก้ โลตัส จำกัดปริมาณการซื้อเบียร์ 3 ลังต่อครอบครัว"

สุรานำเข้าแจงยังไม่ปรับราคา

นางอัปสร เพชรชาติ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้บริหารยังอยู่ระหว่างหารือการปรับขึ้นราคาสินค้า ยอมรับเป็นประเด็นอ่อนไหว จึงต้องพิจารณาถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า สินค้าแต่ละรายการปรับขึ้นเท่าไร แม้ร้านค้าปลีกปรับราคาไปแล้วก็ตาม

"การปรับภาษีครั้งนี้ถือว่าสูงมาก ผลกระทบอย่างแรก คือ สินค้าหนีภาษีเข้ามาในไทย ปัญหาสินค้าปลอมระบาดรุนแรงขึ้น"

เปิด "ราคาขายส่งช่วงสุดท้าย"

ทั้งนี้ ตามประกาศกรมสรรพสามิต เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2556 โดยมีผลบังคับใช้ทันที เรื่อง ราคาขายส่งช่วงสุดท้ายของสุราเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา พ.ศ. 2556 เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา ได้กําหนดจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายของสุราในตลาดปกติไว้ดังต่อไปนี้

เบียร์ที่ผลิตจากโรงงานเบียร์ขนาดเล็กประเภทผลิตเพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต ให้มีราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา ลิตรละ 85 บาท

ส่วนสุราแช่ชนิดสุราผลไม้สุราแช่พื้นเมือง และผลิตภัณฑ์จากผลผลิตทางการเกษตรที่มีระดับแอลกอฮอล์ไม่เกิน 15 ดีกรี ที่ทําจากโรงงานสุราตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 ที่ใช้เครื่องจักรที่มีกําลังรวมต่ำกว่า 5 แรงม้า หรือใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน หรือที่ใช้เครื่องจักรที่มีกําลังรวมต่ำกว่า 5 แรงม้า และคนงานน้อยกว่า 7 คน ประกอบด้วย ประเภทอุ สาโทหรือน้ำขาว กระแช่หรือน้ำตาลเมา ให้มีราคาขายส่งช่วงสุดท้าย เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา ลิตรละ 70 บาท

ประเภทอื่นๆ ยกเว้นไวน์และสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทําจากองุ่น ให้มีราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา ลิตรละ 140 บาท

ด้านสุรากลั่นชนิดสุราขาว ที่มีระดับแอลกอฮอล์เกินกว่า 15 ดีกรี แต่ไม่เกิน 40 ดีกรี ที่ทําจากโรงงานสุราตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 ที่ใช้เครื่องจักรที่มีกําลังรวมต่ำกว่า 5 แรงม้า หรือใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน หรือที่ใช้เครื่องจักรที่มีกําลังรวมต่ำกว่า 5 แรงม้า และคนงานน้อยกว่า 7 คน

ประกอบด้วย ระดับแอลกอฮอล์ 28 ดีกรี ให้มีราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา ลิตรละ 90 บาท, ระดับแอลกอฮอล์ 30 ดีกรี ให้มีราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา ลิตรละ 100 บาท, ระดับแอลกอฮอล์ 35 ดีกรี ให้มีราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา ลิตรละ 110 บาท และ ระดับแอลกอฮอล์ 40 ดีกรี ให้มีราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคํานวณภาษีสุรา ลิตรละ 120 บาท โดยให้บังคับใช้ทันทีในวันที่ออกประกาศ