อัปสกิลเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีด้วยหลักบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์

อัปสกิลเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีด้วยหลักบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์

ในห้วงเวลาที่การทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ได้รับความกระทบกระเทือนจากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก การปรับตัวให้กับธุรกิจเป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าของหรือผู้บริหารที่มีอำนาจเต็มของธุรกิจเอสเอ็มอี

ประเด็นสำคัญเรื่องหนึ่งสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ได้แก่เรื่องของการพัฒนาบุคลากรหรือพนักงานของบริษัทให้มีสมรรถนะสูงขึ้นเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินธุรกิจให้ทันกับเหตุการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่คาดคิดในระดับการค้าโลก ก็คือ การใช้กลยุทธ์การพัฒนาทักษะธุรกิจให้กับบุคลากร ด้วยกลยุทธ์ นิวสกิล รีสกิล และอัปสกิล เพื่อสร้างให้พนักงานเกิดทักษะในการทำงานใหม่ๆ แทนทักษะการทำงานแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นทักษะใหม่ การปรับทักษะเดิมไปสู่ทักษะใหม่ หรือการเพิ่มพูนทักษะเดิมให้มีความทันสมัยทันเหตุการณ์ มากขึ้น

แต่เรื่องที่ยังไม่ได้รับการกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวางเท่าที่ควร ก็คือ การสร้าง นิวสกิล รีสกิล และอัปสกิล ให้กับเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูงของเอสเอ็มอี!!!!

บทความในตอนนี้ จึงใคร่ขอเสนอทักษะที่จะมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการธุรกิจ ที่ต้องเริ่มต้นจากเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูงของเอสเอ็มอีก่อน ก็คือ ทักษะด้านหลักบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์

หลักบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ จะช่วยทำให้เจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจเอสเอ็มอี ตระหนักและมองเห็นปัจจัยที่จะนำอันตรายมาสู่ธุรกิจได้ล่วงหน้า โดยเฉพาะอันตรายจากการหลอกลวง ฉ้อฉล หรือความไม่ซื่อสัตย์ของผู้มีส่วนร่วมในวงกว้างของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นจาก พนักงาน คู่ค้า ผู้รับเหมาะเช่าช่วง ผู้ขายหรือผู้จัดหาวัสดุ แม้กระทั่งกับลูกค้าที่มีวัตถุประสงค์แอบแฝงต่อธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังจะช่วยพัฒนาให้เจ้าของและผู้บริหารระดับสูง ให้รู้จักกับการสร้างความสงสัยอย่างมืออาชีพ การวิเคราะห์และเสาะหาหลักฐาน การสร้างความเป็นกลางทางธุรกิจ รวมถึงการรักษาระมัดระวัง เพื่อปกป้องความลับทางธุรกิจของบริษัท อีกด้วย อันจะนำไปสู่การกำกับดูแลธรรมาภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

หลักบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ เป็นการมองตัวเลขและรายงานการการเงินของธุรกิจในเชิงวิเคราะห์ เพื่อกวาดหาข้อมูลที่ผิดปกติ ข้อมูลเท็จ หรือข้อมูลผิดพลาดในรายงานที่จะสะท้อนให้เห็นการกระทำที่ส่อทุจริตต่อธุรกิจ การกระทำที่ผิดพลาด หรือ การกระทำที่สร้างผลประโยชน์ทับซ้อน เบียดบังผลประโยชน์ที่ควรเป็นของธุรกิจ ฯลฯ เป็นต้น แม้ว่ารายงานทางการเงินเหล่านั้น ดูจะถูกต้องและเป็นไปตามหลักบัญชีธุรกิจที่ทำอยู่เป็นปกติประจำ

การมองตัวเลขบัญชีให้นอกเหนือไปจากการดู “บรรทัดสุดท้าย” เพื่อทราบว่าธุรกิจมี รายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไร ขาดทุน เท่าไหร่ เท่านั้น แต่ควรจะต้องดูไปถึง ทรัพย์สิน หนี้สิน และกำไรสะสมหรือส่วนของเจ้าของว่า เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร หรือไม่

และมีเหตุผลใดที่ทำให้สถานะของธุรกิจเป็นไปเช่นนั้น

นอกจากทักษะการอ่านรายงานการเงินในเชิงลึกขึ้นกว่ายอดขาย ค่าใช้จ่าย และกำไรขาดทุนแล้ว เจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจเอสเอ็มอี ยังจะเห็นโอกาสว่า เกิดการยักยอกฉ้อฉล การเสียหายหรือสูญหายของทรัพย์สิน การซ่อมบำรุงหรือการจัดซื้อที่นอกเหนือความจำเป็น และความรัดกุมของระบบการตรวจสอบบัญชีตามกฎหมาย หรือแนวคิดที่จะป้องกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ให้เกิดขึ้นในธุรกิจได้อย่างไรอีกด้วย

จะเห็นได้ว่า ทักษะด้านการบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ จะนำไปสู่การนำพาธุรกิจให้เกิดความแข็งแกร่งและระบบระเบียบของการควบคุมภายในของบริษัท การกำหนดนโยบายธุรกิจในระยะสั้นและระยะกลาง การบริหารเพื่อลดความเสี่ยงในระยะยาวของธุรกิจ

ตลอดจนการสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของบริษัท ในด้านของจริยธรรมและธรรมาภิบาลของธุรกิจ ที่จะส่งผลไปถึงภาพลักษณ์ด้านการพัฒนาความยั่งยืนให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี ต่อไป!!??!!