‘ท่องเที่ยวฯ’ หั่นเป้ารายได้รวมตลาดในและต่างประเทศปี 68 เหลือ 3 ล้านล้านบาท

‘ท่องเที่ยวฯ’ หั่นเป้ารายได้รวมตลาดในและต่างประเทศปี 68 เหลือ 3 ล้านล้านบาท

‘นัทรียา’ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ หั่นเป้ารายได้รวมการท่องเที่ยวเหลือ 3 ล้านล้านบาทในปี 68 เอาให้กลับไปเท่าปี 62 ก่อนโควิดระบาด สั่งการ ‘ททท.’ ปรับแผนการตลาดครึ่งปีหลัง เจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มลักชัวรี

นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายใหม่ในที่ประชุมติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท. เมื่อกลางเดือน เม.ย. ให้ทำรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2568 อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท กลับไปเท่าปี 2562 ก่อนวิกฤติโควิด-19 แบ่งเป็นรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยอีก 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะต่ำกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ในปีนี้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท

“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้สั่งการให้ ททท. ปรับแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 หลังจากเกิดสถานการณ์ต่างๆ ทั้งประเด็นความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการท่องเที่ยว เหตุแผ่นดินไหว และสถานการณ์นอกประเทศอย่างนโยบายภาษีตอบโตของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ”

เมื่อปรับแผนเสร็จ จะนำมาหารือกันในบอร์ด ททท. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว และจะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายในเดือน พ.ค. โดยวิธีการนี้จะเร็วกว่าการจัดเวิร์กช็อปที่กว่าจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาครบพร้อมกันได้ ทั้งนี้จะมีการปรับตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPI) ของ ททท.ใหม่ จากเดิมที่วัดจากจำนวนนักท่องเที่ยว เปลี่ยนเป็นวัดจากรายได้ของนักท่องเที่ยวด้วย

“ททท.จะต้องปรับเป้าหมายการทำงาน เน้นดึงนักท่องเที่ยวตลาดลักชัวรี (Luxury) มากขึ้น เช่น ตะวันออกกลาง ที่นิยมเดินทางเป็นครอบครัวเพื่อรักษาพยาบาลในไทย ตลาดที่เล็งไว้ อาทิ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต และยุโรปที่ตอนนี้ไม่เดินทางไปสหรัฐ ก็ต้องรีบชักชวนให้มาเที่ยวไทยแทน โดยเฉพาะสเปน เยอรมนี สวีเดน สหราชอาณาจักร รวมถึงแคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดย ททท.จะไม่ไปทุ่มจัดอีเวนต์ในตลาดที่ปลุกไม่ขึ้นตอนนี้”