‘ท่องเที่ยว’ สะดุด นายกฯ แพทองธาร สั่งเวิร์กช็อป ฟื้นรายได้ต่างชาติ

‘ท่องเที่ยว’ สะดุด นายกฯ แพทองธาร สั่งเวิร์กช็อป ฟื้นรายได้ต่างชาติ

เป้ารายได้รวม “การท่องเที่ยว” 3.5 ล้านล้านบาทปี 68 สะดุด “แพทองธาร” ยอมปรับลดเป้ารายได้ “ต่างชาติเที่ยวไทย” เหลือ 2 ล้านล้านบาทเท่าปี 62 ก่อนวิกฤติโควิด สั่งการภาครัฐผนึกเอกชนเร่งเวิร์กช็อประดมสมองหลังเทศกาลสงกรานต์หาแนวทางกู้รายได้ “สรวงศ์” หั่นยอด “จีนเที่ยวไทย” ขอ 6.7 ล้านคนเท่าปี 67 หลังสถิติสะสมถึง 13 เม.ย. 1.3 ล้านคน เฉพาะ 3 เดือนแรกจมแดนลบ ร่วง 24% “ททท.” ลุยกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เบ่งยอดตลาดศักยภาพชดเชยจีน

KEY

POINTS

  • เป้ารายได้รวม “การท่องเที่ยว” 3.5 ล้านล้านบาทปี 68 สะดุด “แพทองธาร” ยอมปรับลดเป้ารายได้ “ต่างชาติเที่ยวไทย” เหลือ 2 ล้านล้านบาทเท่าปี 62 ก่อนวิกฤติโควิด
  • นายกฯ สั่งการภาครัฐผนึกเอกชนเร่งเวิร์กช็อประดมสมองหลังเทศกาลสงกรานต์หาแนวทางกู้รายได้
  • “สรวงศ์” หั่นยอด “จีนเที่ยวไทย” ขอ 6.7 ล้านคนเท่าปี 67 หลังสถิติสะสมถึง 13 เม.ย. 1.3 ล้านคน เฉพาะ 3 เดือนแรกจมแดนลบ ร่วง 24%
  • “ททท.” ลุยกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เบ่งยอดตลาดศักยภาพชดเชยจีน

รัฐบาลตั้งเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวไทยในปี 2568 ก่อนหน้านี้ไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ตลาดต่างประเทศ 2.32 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39-40 ล้านคน และตลาดในประเทศ 1.17 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 203 ล้านคน-ครั้ง

แต่ดูเหมือนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะยอมรับสถานการณ์ความเป็นจริงว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะเข็นรายได้ตลาดต่างประเทศ หลังปัจจัยลบต่าง ๆ รุมเร้า ล่าสุดคือเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นของภาคท่องเที่ยวไทย

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายกฯ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้บริหารระดับสูงของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ทั่วโลก โดยสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท. เร่งหาวิธีผลักดันรายได้ตลาดต่างประเทศไปถึง 2 ล้านล้านบาท เท่ากับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด ซึ่งเป็นปีที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39.8 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นางสาวแพทองธาร เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา หรือ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเกือบเท่าปี 2562 ก่อนโควิด หรือแตะ 40 ล้านคน เพิ่มค่าใช้จ่ายและจำนวนวันพักต่อคนมากขึ้น แต่ตัวเลขในช่วงที่ผ่านมายังไม่น่าพอใจ ทั้งยังโชคร้ายมีเรื่องแผ่นดินไหวและตึกถล่ม

“ต้องการให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเท่าปี 2562 จากปี 2567 ซึ่งทำได้ 1.67 ล้านล้านบาท และต้องการคำตอบว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มีปัญหาอยู่จะแก้ไขอย่างไร และเอาตรงไหนมาเติม”

‘ท่องเที่ยว’ สะดุด นายกฯ แพทองธาร สั่งเวิร์กช็อป ฟื้นรายได้ต่างชาติ

สั่งเวิร์กช็อปใหญ่-ลดเป้า “จีนเที่ยวไทย”

นอกจากนี้ ต้องการให้หามาตรการใหม่ ๆ ส่งเสริมตลาด มุ่งเจาะตลาดลักชัวรีมากขึ้น ซึ่งต้องจัดเตรียมสินค้าและบริการที่รองรับได้ด้วย มุ่งเน้นตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ที่เดินทางเข้ามาเพื่อพักผ่อนระยะยาว มาพำนักในวัยเกษียณ รวมถึงการดึงกลุ่มดิจิทัลนอแมด (Digital Nomad) จะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายระยะยาวและทำให้มาอยู่ในไทยนานขึ้น ตลอดจนมาตรการเร่งด่วนระยะสั้น เช่น มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อดันเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาตัวชี้วัด (KPI) ใหม่ และแนวทางการจัดทำกลยุทธ์กับแผนการตลาดช่วงครึ่งปีหลัง โดยเน้นด้านค่าใช้จ่ายต่อคนมากกว่าปริมาณนักท่องเที่ยว

“ส่วนเป้าหมายรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2568 แบ่งเป็นต่างชาติ 2.32 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวไทยอีก 1.17 ล้านล้านบาทนั้น นายกฯ ได้ตั้งโจทย์ขอให้รายได้ต่างชาติกลับมาที่ 2 ล้านล้านบาทให้ได้ก่อน หากเกินกว่านี้ถือเป็นกำไร เพราะหลังแผ่นดินไหวตัวเลขดิ่งลงช่วงเทศกาลสงกรานต์เชิดหัวขึ้นมาเล็กน้อย”

ด้านตลาดจีน เดิมตั้งเป้า 8 ล้านคน แต่3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) มีจำนวน 1.33 ล้านคน จึงปรับลดเป้าหมายให้ได้เท่าปี 2567 ที่ 6.7 ล้านคนก่อน พร้อมมุ่งทำตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้น ด้วยการดึงกลุ่มลักชัวรี โดยเฉพาะจากเซี่ยงไฮ้ แม้ส่วนใหญ่จะสนใจเที่ยวยุโรป แต่ก็ต้องหาวิธีดึงมาไทย รวมถึงตลาดศักยภาพอื่น ๆ เช่น ตะวันออกกลาง เข้ามาชดเชยนักท่องเที่ยวจีน

‘ท่องเที่ยว’ สะดุด นายกฯ แพทองธาร สั่งเวิร์กช็อป ฟื้นรายได้ต่างชาติ

 

ต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-13 เม.ย. โตต่ำ 1%

ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวฯ รายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-13 เม.ย. 2568 สะสม 10,738,424 คน เพิ่มขึ้น 0.94% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยตลาด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 1,470,834 คน มาเลเซีย 1,333,596 คน รัสเซีย 801,532 คน อินเดีย 631,820 คน และ เกาหลีใต้ 533,752 คน

เฉพาะนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาส 1 มีจำนวนสะสม 1,331,434 คน ลดลง 24% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว จำแนกเป็นรายเดือนพบว่า เดือน ม.ค. เดินทางเข้าไทยเป็นอันดับ 1 จำนวน 662,779 คน เพิ่มขึ้น 30% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว จากความคึกคักของเทศกาลตรุษจีน 

ขณะที่เดือน ก.พ. ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นักแสดงชาวจีน ซิงซิง หายตัวบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา และการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ เดินทางเข้าไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย 371,542 คน ลดลง 43% และเดือน มี.ค. แม้จะเป็นอันดับ 1 ยอด 297,113 คน แต่ติดลบ 48%

‘ท่องเที่ยว’ สะดุด นายกฯ แพทองธาร สั่งเวิร์กช็อป ฟื้นรายได้ต่างชาติ

 

เบ่งยอดตลาดศักยภาพระยะใกล้-ไกล

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ต้องไปดูว่าจะเพิ่มนักท่องเที่ยวตลาดระยะสั้น (Short-haul) จาก 9 ตลาดศักยภาพที่จะต้องเร่งบูสต์ตัวเลข และตลาดระยะไกล (Long-haul) ในอีก 15 ตลาด เพื่อทดแทนตลาดจีน

“ททท.ต้องหาตลาดอื่น ๆ มาชดเชย ทั้งในเชิงจำนวนและค่าใช้จ่ายต่อทริป ด้วยการนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวใหม่ (New Product) และเสริมด้วยมิติอื่น ๆ เช่น ซอฟต์พาวเวอร์ ควบคู่กับการเข้าถึงด้วยวิธีการใหม่ (New Approach) หาวิธีเจาะลึกมากขึ้น”

ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวจีน แนวทางหลักในช่วงที่เหลือของปีนี้เตรียมจัดโรดโชว์ส่งเสริมการขายในจีน และเดินกลยุทธ์การตลาดแบบคลาสสิก (Classic Marketing) ดึงกรุ๊ปทัวร์และกลุ่มเดินทางเพื่อเป็นรางวัล โดยเฉพาะในเมืองรองจาก 30 มณฑลที่อาจจะยังไม่เคยเดินทางมาไทย เพื่อให้ได้สัมผัสคุณภาพ ประสบการณ์ และความปลอดภัยของการท่องเที่ยวในไทย

ภายในเดือน เม.ย.นี้จะมีการเวิร์กช็อปเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนว่าต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุนด้านใดบ้าง เพื่อเสริมตลาดใหม่ๆ เช่น ตลาดงานศิลปะ เกม อี-สปอร์ต ภาพยนตร์ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมโปรโมตหมวดการเดินทางใหม่ๆ เช่น การเดินทางด้วยรถไฟ การเดินทางข้ามแดนทางบก คาราวานรถ 

"เพื่อให้เห็นว่าในตอนนี้เราจะดึงนักท่องเที่ยวทั้งตลาดแมส (Mass) นิชมาร์เก็ต (Niche Market) และกลุ่มวัฒนธรรมย่อย (Sub-culture) แม้บางตลาดย่อยจะมีขนาดเล็ก แต่ถ้าการใช้จ่ายดี เราเอาหมด”