บูมรายได้ ‘กองถ่ายหนังต่างประเทศ’ ปี 68 ‘กรมการท่องเที่ยว’ ดันเป้าใหม่โกยหมื่นล้าน

เมื่อสปอตไลต์ฉาย “ประเทศไทย” ในฐานะ “จุดหมายปลายทางในการถ่ายทำภาพยนตร์” ของผู้ผลิตภาพยนตร์ทั่วโลก ไฮไลต์ปี 2568 นำขบวนด้วยซีรีส์อเมริกัน “เดอะ ไวท์ โลตัส” (The White Lotus) ซีซั่น 3 ที่เพิ่งจบลงอย่างสวยงาม สร้างสถิติมียอดวิวตอนสุดท้ายถึง 6.2 ล้านคนในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30% เทียบกับตอนก่อนหน้าซึ่งมียอดวิว 4.8 ล้านคน และตลอดทั้งซีซั่น 3 มีผู้ชมเฉลี่ย 16 ล้านคน ขณะที่ภาพยนตร์ “จูราสสิค เวิลด์” (Jurassic World) จ่อคิวฉายในเดือน ก.ค.นี้
นอกจากจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าไทยแล้ว ยังส่งอานิสงส์บวกกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางตามรอยอีกด้วย ผ่านมาตรการจูงใจของ “กรมการท่องเที่ยว” ล่าสุดได้เพิ่มอัตรา “เงินคืน” (Cash Rebate) สูงสุดถึง 30% และสิทธิพิเศษเพิ่มเติมให้กับผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างชาติที่มาถ่ายทำในประเทศไทย หลังจากเมื่อปี 2567 มีจำนวนทั้งหมด 491 เรื่องเข้ามาถ่ายทำในไทย สร้างรายได้กว่า 6,580 ล้านบาท
จาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ได้รับนโยบายจาก นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ “กองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ” สังกัดกรมการท่องเที่ยว เร่งเครื่องสร้างรายได้จากกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศเพิ่มเป็น “10,000 ล้านบาท” ในปี 2568 สูงกว่าเป้าหมายการทำงานที่กรมการท่องเที่ยวตั้งไว้ที่ 7,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน กรมการท่องเที่ยวเสนอขอรับงบประมาณเพิ่มอีก 400 ล้านบาท เพิ่มเติมงบประมาณเดิมที่เตรียมเสนอขอเพื่อคืนเงินให้กับกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย จำนวน 400 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินที่จะเสนอขอทั้งสิ้น 800 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2567 ที่เสนอขอรับการจัดสรรไป 337 ล้านบาท หรือคิดเป็นมากกว่า 2 เท่า
“เหตุผลที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่ม เพราะมีภาพยนตร์และซีรีส์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่องเข้ามาถ่ายทำในไทย เช่น เดอะ ไวท์ โลตัส ซีซั่น 3 และ จูราสสิค เวิลด์ และคาดว่าจะมีภาพยนตร์และซีรีส์เรื่องอื่นๆ ที่สนใจเข้ามาถ่ายทำในไทยอย่างต่อเนื่อง จึงจะเป็นต้องสำรองงบประมาณเพื่อคืนเงินตามความต้องการของกองถ่ายภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้น”
สำหรับสถิติในช่วง 3 เดือนแรก ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. 2568พบว่ามีกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในไทย จำนวน 155 เรื่อง สร้างรายได้เข้าประเทศ 1,701 ล้านบาท
ขณะที่ปีงบประมาณ 2567 มีกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่ “ขอคืนเงิน” จาก “มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย” จำนวน 509 ล้านบาท จากภาพยนตร์ 15 เรื่อง ซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศไทย 2,876 ล้านบาท เกิดการจ้างงานบุคลากรในธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมากกว่า 43,000 ราย
มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในการนำเงินเข้ามาลงทุนถ่ายทำในไทย ที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลกกำหนด “มาตรการจูงใจ” ในรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้สร้างภาพยนตร์เข้ามาลงทุนในประเทศนั้นๆ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ไอซ์แลนด์ อินเดีย และกรีซ ที่มีมาตรการในรูปแบบ “เครดิตเงินคืน” หรือฮังการี และฝรั่งเศส ที่จัดทำในรูปแบบ “ลดหย่อนภาษี” ด้านออสเตรเลีย สเปน และอังกฤษ มีมาตรการในรูปแบบ “เครดิตภาษี”
จาตุรนต์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ เข้าร่วมงานตลาดภาพยนตร์ฮ่องกง “FILMART 2025” เมื่อวันที่ 17-20 มี.ค. ได้รับความสนใจเกินคาดจากผู้ผลิตและผู้สร้างภาพยนตร์จีน ฮ่องกง และประเทศอื่นๆ รวมยอดเงินลงทุนถ่ายทำในไทยทะลุ 2,000 ล้านบาท
“ตลอดระยะเวลาการเข้าร่วมงานทั้ง 4 วัน มีผู้ประกอบการกว่า 700 ราย เข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย รวมถึงมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำในรูปแบบคืนเงิน สูงสุดถึง 30% ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ทำให้ขณะนี้มีผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่กว่า 20 ราย แสดงความประสงค์ที่จะเข้ามาถ่ายทำในไทยช่วงปี 2568-2569 และคาดการณ์ว่าจะมีงบประมาณลงทุนในไทยรวมกันมากกว่า 2,000 ล้านบาท ช่วยกระจายรายได้ไปสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย สถานที่ท่องเที่ยว และวัฒนธรรมไทยไปสู่สายตาผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก”
ทั้งนี้ กรมการท่องเที่ยวจะเดินหน้าส่งเสริมมาตรการจูงใจ “Incentive 30%” อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดการลงทุนจากกองถ่ายต่างประเทศให้เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการผลิตภาพยนตร์ ซึ่งจะนำเม็ดเงินไหลเข้าสู่ประเทศ กระตุ้นการใช้จ่ายทั้งภาคบริการ โรงแรม การคมนาคม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนไทยอย่างเป็นรูปธรรม