‘ซีอาร์จี’ ชู 10 แบรนด์เรือธง เปิด 120-140 สาขา มุ่งทำกำไรแกร่ง

‘ซีอาร์จี’ ชู 10 แบรนด์เรือธง เปิด 120-140 สาขา มุ่งทำกำไรแกร่ง

"ซีอาร์จี" ลุยลงทุน 1,200 ล้านบาท เปิดร้านอาหาร 120-140 สาขา เน้น 10 แบรนด์เรือธงทำกำไร เช่น เคเอฟซี มิสเตอร์โดนัท ชินคันเซ็น ฯ ไม่เปิดแหลกลาญ สานรายได้ 1.79 หมื่นล้านบาท

ธุรกิจร้านอาหาร เป็นอีกเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนยังต้องกินอาหารที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่สำคัญต่อการดำรงชีพ

ปี 2568 ธุรกิจร้านอาหารยังมีโจทย์ท้าทายรออยู่ เพราะออกสตาร์ทไตรมาส 1 ร้านเดิมค่อนข้างทรงตัว “ซีอาร์จี” ยักษ์ใหญ่ร้านอาหารที่มีแบรนด์นับสิบครอบคลุมร้านอาหารญี่ปุ่น อาหารไทย โดนัท ร้านอาหารบริการด่วน(QSR) ฯ และจำนวนร้านกว่า 1,300 สาขาให้บริการลูกค้า

ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) เปิดเผยแผนเคลื่อนธุรกิจร้านอาหารปี 2568 ผ่านงาน “Celebrating Success, Challenging Excellence”

‘ซีอาร์จี’ ชู 10 แบรนด์เรือธง เปิด 120-140 สาขา มุ่งทำกำไรแกร่ง

ก่อนเผยเกมรุก ส่องผลงานปี 2567 “ซีอาร์จี” สร้างรายได้ 1.58 หมื่นล้านบาท เติบโต 9% จากกว่า 20 แบรนด์ และมี 2 แบรนด์ใหม่เติมพอร์ตโฟลิโอ อย่างนร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียม “NAMA Japanese and Seafood Buffet” และ Katsu Midori Sushi” การออกสินค้าสร้างความว้าว! ในตลาด เช่น มิสเตอร์ โดนัท เปิดตัว White Pon De Ring สร้างปรากฏการณ์ยอดขายทะลุ 3.6 ล้านชิ้น หนุนรายได้เพิ่ม 70 ล้านบาทการปรับโฉมร้าน KFC สาขาแรกของไทย ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นต้น

“ธุรกิจร้านอาหารเมื่อเจอสินค้าที่ใช่ จะกำไรดีเลย อย่างมิสเตอร์โดนัท White Pon De Ring สร้างความว้าว และทำให้ยอดขายเราเพิ่มขึ้น”

แผนโตต่อปี 2568 บริษัทวางงบลงทุน 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็น 800 ล้านบาท เพื่อเปิดร้านอาหาร 120-140 สาขา 200 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงร้านเดิม และ 200 ล้านบาท ในการยกระดับไอที เทคโนโลยี

‘ซีอาร์จี’ ชู 10 แบรนด์เรือธง เปิด 120-140 สาขา มุ่งทำกำไรแกร่ง

“งบลงทุน 1,200 ล้านบาท ยังไม่รวมการควบรวมและซื้อกิจการหรือ M&A การร่วมทุนหาแบรนด์ใหม่ๆมาเสริมพอร์ตโฟลิโอ”

การดำเนินธุรกิจปีนี้ “ซีอาร์จี” ยังมุ่งเน้นการทำ “กำไร” จาก 10 แบรนด์เรือธงที่ทำรายได้ 80-90% ไม่ว่าจะเป็นเคเอฟซี มิสเตอร์โดนัท อานตี้ แอนส์ ธุรกิจร่วมทุนอย่างชินคันเซ็น ฯ โดยมองอัตรากำไรก่อนหักภาษีควรอยู่ระดับ 14-15%

‘ซีอาร์จี’ ชู 10 แบรนด์เรือธง เปิด 120-140 สาขา มุ่งทำกำไรแกร่ง

“การเปิดสาขาเราจะเน้นท็อปแบรนด์ที่ทำกำไร ไม่เปิดแหลกลาญ รวมถึงมุ่งเพิ่มยอดขายร้านเดิมหรือ Same store หาสินค้าใหม่ๆปลุกความว้าว! รวมถึงมีโปรโมชัน สร้างโอกาสหรือ occasion ใหม่ๆ ให้ลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านมากขึ้น”

สูตร “ทำกำไร” บริษัทยังให้ความสำคัญ 3C Actions ได้แก่ Cost คือการบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดูแลด้านพลังงาน เป็นสมาร์ท เรสโตรองต์ นำดิจิทัลมาใช้ ช่วยลดคนหน้าร้าน ฯ Capex เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ Cash Flow การบริหารกระแสเงินสด ตลอดจน การลงทุน ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น

“การลงทุนไม่ใช่แค่เปิดร้าน แต่เราดูแลการก่อสร้าง ต้องตรงตามสเปค เพราะเราโฟกัสความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ”

‘ซีอาร์จี’ ชู 10 แบรนด์เรือธง เปิด 120-140 สาขา มุ่งทำกำไรแกร่ง

สำหรับแบรนด์ใหม่หมวด “ชาบู” และ “ปิ้งย่าง” ซีอาร์จีมองหามานาน ยังไม่เจอ “จิ๊กซอว์” ที่ใช่ เพราะโจทย์ร้านต้องพร้อมขยาย เร่งเติบโตได้ ระหว่าง “รอพันธมิตร” จึงปั้นโมเดล “ชาบูภายแบรนด์โอโตยะ” เพื่อชิมลาง

จากแผนดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะผลักดันรายได้ปี 2568 อยู่ที่ 1.79 หมื่นล้านบาท เติบโต 13% จากปีก่อน

ส่วนภาพรวมไตรมาส 1 ธุรกิจร้านอาหารทรงตัว ร้านเดิมเติบโตเพียง 1-2% แต่ภาพรวมยอดขายเติบโต 8% อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา แผ่นดินไหวเมียนมาสะเทือนไทย กระทบยอดขายหายไปเพียง 20-30% โดยร้านอาหารในเครือไม่คิดค่าอาหารที่ลูกค้าเผชิญเหตุการณ์ ปัจจุบันทุกร้านกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ

‘ซีอาร์จี’ ชู 10 แบรนด์เรือธง เปิด 120-140 สาขา มุ่งทำกำไรแกร่ง

ด้านธุรกิจร้านอาหารปี 2568 คาดการณ์มูลค่าตลาดอยู่ที่ 5.72 แสนล้านบาท เติบโต 5-7% เทียบกับช่วงโควิด-19 ระบาด ตลาดมีมูลค่า 3.6 แสนล้านบาท หดตัว 10% ส่วนเทรนด์ร้านอาหารที่มาแรง ได้แก่ ทุนจีนยึดหัวหาดร้านอาหารหลายหมวด ร้านอาหารพรีเมียมได้รับความนิยม ผู้บริโภคยินดีจ่ายแพงเพื่อคุณภาพ พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนเร็ว ทำให้วัฏจักรแบรนด์สั้นลง เป็นต้น

“ธุรกิจร้านอาหารไม่มีกำแพงกั้นการแข่งขัน ทำให้มีร้านใหม่เปิดจำนวนมาก บางสัปดาห์ 2 แบรนด์ แต่ร้านที่ปิดตัวก็มากเช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม ปี 2568 ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ยังเป็นปัจจัยกระทบธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ โกโก้ รวมถึงเนื้อยูเอส ฯ ซึ่งบริษัทจะตรึงราคาสินค้าให้นานสุด