‘นีโอ คอร์ปอเรท’ ฮึดเบ่งเป้า 5 ปีโต 2 หลัก จับตา “คู่แข่งใหญ่” ชิงขุมทรัพย์ตลาด
ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค(FMCG) มีขนาดใหญ่มาก และเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องใช้ทุกวัน ดังนั้น ไม่ว่าเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อเปราะบางเพียงใด ผู้คนยังต้องจับจ่ายใช้สอย
ทว่า ตลาดสินค้าจำเป็นเต็มไปด้วย “ยักษ์ใหญ่” ทุนไทยและทุนข้ามชาติ แบรนด์สัญชาติไทยและแบรนด์ระดับโลกท้าชิงเค้กก้อนโต
“นีโอ คอร์ปอเรท” ถือเป็นบิ๊กคอร์ปสัญชาติไทย ที่มีแบรนด์สินค้าจำเป็นในพอร์ตโฟลิโอ 8 ยี่ห้อดัง เช่น ไฟน์ไลน์ ดีนี่ บีไนซ์ โทมิ ฯ ครอบคลุมตลาด 3 หมวดสำคัญ ได้แก่ สินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน สินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคล และสินค้าสำหรับเด็ก โดยสถานการณ์ 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสร้างรายได้ 7,403 ล้านบาท เติบโต 5.3% และ “กำไรสุทธิ” 768 ล้านบาท เติบโต 12.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด(มหาชน) ฉายภาพว่า การรุกตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคของบริษัท ยังคงมุ่งเพิ่มสัดส่วนเซ็กเมนต์ “พรีเมียมแมส” มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไฟน์ไลน์ ทั้งผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม รวมถึงแบรนด์ “ดีนี่ ดีลักซ์” ที่มีผลิตภัณฑ์ซักผ้า ฯ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายสูงวัยหรือ Silver Age ยอดขายโต 115-118% ทำให้กลุ่มตลาดแมสพรีเมียมโดยรวมเติบโต “เกินเป้าหมาย” เล็กน้อย
ผลงาน 9 เดือน และสัดส่วนรายได้หมวดหมู่สินค้า
ทว่า เจาะลึกเป็นหมวดหมู่สินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน 9 เดือน กลับ “หดตัวเล็กน้อย 0.5%” สวนทางสินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคลเติบโต 18.5% และสินค้าสำหรับเด็ก เติบโต 3.1% แต่รายไตรมาส “เฉพาะไตรมาส 3” กลุ่มสินค้าเครื่องใช้บุคคลหดตัว 1.3% และกลุ่มสินค้าเด็กหดตัว 12.5% เพราะเจอโจทย์หินจากตลาดต่างประเทศ
“ยอดขายสินค้าครัวเรือนนิ่ง เพราะเผชิญตลาดต่างประเทศที่ชะลอตัว แต่บริษัทมีการเจรจาหาผู้จัดจำหน่ายรายสำคัญ เพื่อเพิ่มโอกาส การเข้าถึงสินค้า ส่วนสินค้าเด็กที่ยอดขายลดลง เพราะการส่งออก ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อ รวมถึงค่าระวางเรือที่สูง แต่คาดว่าไตรมาส 4 สถานการณ์จะเป็นปกติ”
ภาพรวมในประเทศธุรกิจยังเติบโตดี ทว่า ตลาดต่างแดนและส่งออก มีความท้าทายจากสารพัดปัจจัย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการส่งออกสินค้าไปยัง 20 ประเทศทั่วโลก สัดส่วนการขายยังไม่มากนัก และตลาดหลักยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามหรือซีแอลเอ็มวี 97%
กลุ่มซีแอลเอ็มวี หมุดหมายใหญ่ 97% ของตลาดต่างประเทศ
เวียดนาม เจอปมของการขายสินค้าเจาะร้านค้าทั่วไป จนกระทบธุรกิจ จนต้องเปลี่ยน “ผู้กระจายสินค้า” รวมถึงการเริ่มทะลวงเข้าห้างค้าปลีกสมัยใหม่ไตรมาส 1 ปีหน้า “เมียนมา” จะป้อนสินค้าเข้าตลาดเท่าที่ทำได้ ภายใต้การเมืองที่ยังเปราะบาง เหล่านี้เชื่อว่าจะปลดล็อก “การฟื้นตัว” กลับมาเติบโตได้ ส่วนส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจะปักหมุดหมายใหม่ 2 ประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นขุมทรัพย์แห่งโอกาสที่สำคัญ ด้วยการนำสินค้าเด็กไปบุก ขานรับอัตราการเกิดที่ยังสูง
เข้าโค้งท้ายปี 2567 เกมรุกยังเข้มข้น มองข้ามช็อตปี 2568 “นีโอ คอร์ปอเรท” ยังคงเจาะเซ็กเมนต์พรีเมียมแมสมากขึ้น รวมถึงตลาดสูงวัย เพราะปีหน้า “เจนเนอเรชั่นเอ็กซ์(X)” จะมีขนาดใหญ่สุดของประชากร หรือเข้าวัย 60 ปี เมื่อรวมกับเหล่า Baby boomer ใน 3-4 ปีข้างหน้า จะมีมากถึง 30 ล้านคน จากคนไทยทั้งประเทศ 71 ล้านคน อีกตลาดที่เป็นโอกาสคือผู้คนรักสัตว์เสมือนลูก ทำให้บริษัทต้องออกสินค้าหมวดใหม่ๆเข้าไปบุกตลาด
ตามแผนบริษัทยังมีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตสินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคลภายใต้งบ 2,400 ล้านบาท ซึ่งความคืบหน้าอาคารแล้วเสร็จ 94% จะเดินเครื่องผลิตสินค้าไตรมาส 2 ปีหน้า จากนั้นจึงสร้างโรงงานผลิตสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนด้วยงบลงทุน 3,300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าอาคารจะแล้วเสร็จปี 2568 เพื่อติดตั้งเครื่องจักรผลิตสินค้าต่อไป
ตัวอย่างส่วนแบ่งการตลาดของกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคล
“นีโอ คอร์ปอเรท” ตั้งเป้าจะเป็นผู้เล่นในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคโดดเด่นด้วยนวัตกรรม ขณะเดียวกันใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทยังหมายมั่นจะ “เติบโตอัตรา 2 หลักต่อเนื่อง”(CAGR) ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้
“ตลาดในประเทศเราเติบโต 2 หลัก จะมีสินค้าใหม่ เซ็กเมนต์ใหม่เสริมทัพ และแม้ว่าปีนี้ยอมรับว่าการส่งออก ตลาดต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลง อย่างเวียดนามเดือนพฤศจิกายนสถานการณ์ปกติแล้ว จากนี้การส่งออกมั่นใจว่าจะฟื้นตัว การลุยตามแผนจะทำให้ภาพรวมเราโต 2 หลักต่อเนื่องใน 5 ปี”
สำหรับตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคกำลังมี “คู่แข่งใหญ่” อย่าง “ซีพีและคาโอ" ที่ผนึกกำลังจะผลิตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เขย่าตลาดครั้งสำคัญ บริษัทมองว่าโดยปกติ ห้างค้าปลีกมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์จำหน่ายอยู่ตลอด ไม่เคยหายไปในหลายหมวดหมู่ การเข้ามาในฐานะผู้เล่นสนามเดียวกัน ไม่ถึงกับมองเป็น “อุปสรรค” แต่ต้องจับตารอดูสินค้าที่จะออกมาท้าชน
อีกประเด็นของตลาดสินค้าจำเป็นคือ สงครามโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 ที่แข่งแรง เชื่อว่ายังมีสลับสับเปลี่ยน ไม่หายไปจากตลาด เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งบริษัทเองก็นำสินค้าไซส์เล็กเพื่อกระตุ้นให้เกิดการ “ทดลอง” หวังให้เกิดการใช้ซ้ำ ด้วยการเดินกลยุทธ์ดังกล่าว