นักการตลาดมอง 'เทรนด์ซิลเวอร์เจน 2.0' ร้อนแรง แบรนด์ต้องเร่งหาโอกาส

เจาะเทรนด์ ซิลเวอร์เจน 2.0 โตสูงสวนทางเศรษฐกิจไทย นักการตลาด-นักวิจัย ฟันธง แบรนด์ต้องเร่งหาโอกาส นำเสนอสินค้าและบริการ ให้ได้ใจลูกค้าในระยะยาว
ประเทศไทยกำลังถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ กับการมีประชากรในประเทศ ที่เป็นกลุ่มสูงวัย หรือมีอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นสัดส่วนหลัก จึงเป็นทั้งความท้าทายต่อภาวะเศรษฐกิจไทย และในอีกด้านเป็นโอกาสของแบรนด์ที่ควรเร่งทำตลาด และสร้างแบรนด์ให้ครองใจลูกค้ากลุ่มนี้
"วรรณา สวัสดิกูล" ประธานบริษัท ซิลเวอร์แอคทีฟ จำกัด ฉายภาพ ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หรือ ในการตลาดเรียกว่า ซิลเวอร์เจน (Silver Age) คิดเป็นสัดส่วนของประชากรมากกว่า 20% แล้วในปัจจุบัน ซึ่งมีจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทย 12.69 ล้านคน และมีแนวโน้มภายในปี 2573 จะมีสัดส่วน 26% ของประชากรทั้งประเทศ
"ซิลเวอร์เจน ไม่ใช่เรื่องใหม่ๆ และมีแนวโน้มเข้ามาเรื่อยๆ เปรียบเสมือนสึนามีมาใหม่เรื่อยๆ แบรนด์ต้องเร่งหาโอกาสในเรื่องนี้ และนักการตลาดที่ควรปรับแบรนด์มุ่งขยาย เพราะหากไม่เร่งดำเนินการมีโอกาสที่แบรนด์จะหายไปจากตลาดได้"
โอกาสของธุรกิจ ซิลเวอร์เจน (Silver Age) ยุค 2.0 มีหลากหลาย อาทิ
- กลุ่มสินค้าอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มที่นิยมทานเพื่อป้องกันในการเกิดโรคต่างๆ
- กลุ่มสินค้าออกกำลังกาย สำหรับกลุ่มที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย
- ธุรกิจที่ให้คำแนะนำในเรื่องการลงทุน
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแนะนำในเรื่องบ้าน และการติดต่อดูแลจากแพทย์
สำหรับต่างประเทศ มีธุรกิจที่ออกมาดูแลกลุ่มซิลเวอร์เจน จำนวนมาก อาทิ
- การจัดทำอุปกรณ์ในการช่วยฟังให้ชัดขึ้นอย่าง Spotify ได้จัดทำ The Spotify - enabled hearing aid
- การจัดทำหุ่นยนต์สำหรับช่วยในงานสั่งซื้อสินค้าและบริการอย่าง Amazon Alexa’s ที่มีบริหารสำหรับการดูแลกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
- การมีอุปรณ์ Apple’s new watch ในการทำนายสุขภาพและโอกาสที่จะเกิดการลื่นล้มได้
- การมีตู้เย็นแบบสมาร์ท ในการดูแลสั่งซื้อสินค้าอาหารผ่านหน้าจอบนตู้เย็น โดยไม่ต้องเดินทางไปช้อปปิ้ง
- การมีหุ่นยนต์ในการดูแลและช่วยสื่อสารกับ เอมิจัง ในประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
เจาะอินไซด์การชอป
ที่ผ่านมา "เดอะวัน อินไซด์" ได้มีการประเมินกลุ่ม ซิลเวอร์ สเปนเดอร์ กับแนวโน้มการใช้จ่ายในกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป ที่มีสินทรัพย์เฉลี่ย 10 ล้านบาทต่อคน มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ย 3 แสนบาทต่อคน ซึ่งมีพฤติกรรมการชอปในเมืองใหญ่ และกทม.
สถานที่ชอปยอดนิยมคือ
- เซ็นทรัลชิดลม
- เซ็นทรัลลาดพร้าว
- เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
- นิยมช้อปวันธรรมดาไม่จำกัดเวลา
เทรนด์การชอปที่น่าสนใจ
- Self - indulgence พร้อมเปย์ เพื่อความรื่นรมย์ มีทั้งสินค้า เครื่องสำอาง 44% และกระเป๋าถือ 25% ที่ต้องดีไซน์และออกแบบกระเป๋าให้เหมาะสม
- Health enthusiast พร้อมจ่ายเพื่อสุขภาพและความมั่นคง แบ่งเป็น เตียงและเครื่องนอน 25% รองเท้าผ้าใบ 58% และลงทุนในประกันชีวิต 200%
นอกจากนี้เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว โดยบริษัททัวร์ ประเมินถึงตลาดนี้เป็น The power experience มีขนาดใหญ่ แต่ต้องเข้าใจความต้องการ โดยลูกค้าให้ความสนใจความสุขของตัวเอง เที่ยวกับเพื่อนวัยเดียวกัน หรือเป็นทัวร์รวมรุ่น อีกทั้งนิยมท่องเที่ยวไปในวันจันทร์ จนถึงพฤหัสบดี ส่วนราคาแพคเกจทัวร์ประมาณ 6 หลักขึ้นไป
ศูนย์วิจัยฟันธงเศรษฐกิจสีน้ำเงิน ขยายตัวสูง
นอกจากนี้มีศูนย์วิจัยหลายแห่งได้ประเมินในทิศทางสอดคล้องกัน กับเศรษฐกิจสีน้ำเงินที่กำลังขยายตัว แบรนด์ต้องเร่งขยายตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้
วิจัยกรุงศรี ได้มีการประเมินถึง โอกาสทองในเศรษฐกิจสีเงิน (Silver Economy) อยู่ในหลายกลุ่มธุรกิจ
- ธุรกิจสุขภาพ มีทั้งธุรกิจเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (Health Tech) ธุรกิจบริการดูแลผู้สูงอายุ (Caregiving)
- ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism)
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีที่พักรูปแบบ Nursing Home เน้นตลาดที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ที่ต้องการพักฟื้นหรือรับการดูแลระยะสั้น, บ้านหรือคอนโดมิเนียม เหมาะกับกลุ่มที่ต้องการพักอาศัยระยะยาว
- ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดย Deloitte คาดการณ์ว่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มจะมีสัดส่วนสูงที่สุดใน Silver Economy ของไทย หรือประมาณ 27% ในปี 2573 โดยกลุ่มอาหารมีทั้ง อาหารที่เป็นมิตร (Aging-friendly Foods) และอาหารฟังก์ชัน (Functional Foods)
- ธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มแฟชั่นและความงาม
- ธุรกิจดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยอำนวยการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องช่วยฟังที่ช่วยปรับคุณภาพเสียงผ่านแอปพลิเคชัน ไม้เท้าอัจฉริยะ เก้าอี้นวดไฟฟ้า หุ่นยนต์ ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วย อุปกรณ์ดิจิทัลในการวัดค่าต่างๆ หรือ สมาร์ทวอช เป็นต้น
- ธุรกิจทางการเงิน กับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่างๆ ทั้งเงินฝาก สินเชื่อ ประกัน บัตรเครดิตและเดบิต เป็นต้น
ทางด้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินมูลค่าการใช้จ่ายของกลุ่มสูงวัย มีแนวโน้มถึงระดับ 2.2 ล้านล้านบาท ในปี 2572 หรือมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5.3% ระหว่างปี 2567-2572 ส่วนในปีนี้การใช้จ่ายของกลุ่มสูงวัยมีมูลค่าประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยในขั้นสุดยอด (Super-aged Society) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
สำหรับธุรกิจที่ได้ผลบวก มีทั้งธุรกิจด้านสุขภาพ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม และการดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ ยังรวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุและอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เป็นต้น







