โรงแรมอ้อน ครม. ‘แพทองธาร’ ชะลอเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน เร่งต่อมาตรการวีซ่าฟรี
นายกสมาคมโรงแรมไทย อ้อน ครม. ‘แพทองธาร’ ชะลอเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ออกไปอย่างน้อย 2 ปี และต่ออายุมาตรการวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติตลาดเป้าหมาย พร้อมสะท้อนว่า “ไม่เห็นด้วย” กับโครงการควิกวิน ททท. จับมือ 9 แพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ ครม. อนุมัติงบกลางเมื่อต้นเดือนส.ค. 67
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า หลังจาก “แพทองธาร ชินวัตร” เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และอยู่ระหว่างตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ สมาคมฯต้องการให้รัฐบาลพิจารณาขยายระยะเวลาดำเนิน “มาตรการยกเว้นวีซ่า” (วีซ่าฟรี) แก่ตลาดเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงพิจารณาชะลอการจัดเก็บ “ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ” หรือที่เรียกติดปากว่า “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ออกไปอีกอย่างน้อย 2 ปีนับจากนี้ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว กลับมาโตเต็มที่ ขณะเดียวกันควรมีการกำหนดวัตถุประสงค์ของ “กองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย” อย่างชัดเจนด้วย ว่าจะนำเงินค่าเหยียบแผ่นดินที่จัดเก็บส่งเข้ากองทุนฯ ไปใช้พัฒนาด้านใดบ้าง
อย่างไรก็ดี ตามที่ ครม.ชุดก่อนอนุมัติการจัดสรรงบกลาง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน (Quick Win) ให้แก่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวม 2 โครงการของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในช่วงโลว์ซีซัน วงเงินงบประมาณจำนวน 433 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ส.ค.67 ทางสมาคมฯ “ไม่เห็นด้วย” กับ “โครงการการทำตลาดการท่องเที่ยวไทยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในการเสนอขายสินค้า และบริการท่องเที่ยวไทย” ที่ทาง ททท. จับมือกับผู้ประกอบการบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) รวม “9 แพลตฟอร์ม” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติ จัดโปรโมชันส่งเสริมการขายร่วมกัน (Joint Promotion) ด้วยการเสนอโค้ดส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้า และบริการทางการท่องเที่ยวไทยผ่านแพลตฟอร์มในช่วงโลว์ซีซันเดือนส.ค. - ก.ย.2567
โดยทางสมาคมฯ ต้องการทราบรายละเอียดของโครงการนี้เพิ่มเติม เช่น หลักเกณฑ์การส่งเสริมตลาดร่วมกับ OTA และดัชนีชี้วัด (KPI) ของโครงการนี้ว่าจะได้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเท่าไร
“เรามองว่าด้วยงบประมาณดังกล่าว สามารถนำไปสนับสนุนค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวโดยตรงได้ เช่น มอบวอชเชอร์ หรือคูปองส่วนลด ให้นักท่องเที่ยวสามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ เหมือนมีเงินก้นถุง เพราะเงินนี้จะหมุนเวียนในระบบจริง จับต้องได้จริง และช่วยคนไทยได้จริง”
นายก ทีเอชเอ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวทางกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ อยากเสนอให้รัฐบาลจัดทำโครงการในลักษณะ “คนละครึ่ง” โดยอาจตีกรอบว่าจะช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในประเทศคนละครึ่งในกรณีออกเดินทางท่องเที่ยววันธรรมดาเท่านั้น
“ส่วนการกระตุ้นเมืองน่าเที่ยว (55 เมืองรอง) เป็นโครงการที่น่าทำ น่าโปรโมตต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับโจทย์ข้อหนึ่งว่าการออกไปเที่ยวเมืองรองนั้น แพงกว่าเที่ยวเมืองหลักทั้งเรื่องเงิน และเวลา ในยุคเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป นิยมเดินทางด้วยตัวเองมากขึ้น ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง จึงต้องใช้เวลาสร้างการรับรู้พอสมควร โดยอาจเลือกกลุ่มจังหวัดนำร่องมาโปรโมตให้ติดตลาดก่อนได้”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์