‘โรงแรมไทย’ วิตก ‘ฝีดาษวานร’ จี้ สธ.เข้มคัดกรอง หวั่นทุบซ้ำท่องเที่ยว

สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) มองปัจจัยน่ากังวลมากที่สุดในช่วง 4 เดือนสุดท้าย (ก.ย.-ธ.ค.) ของปี 2567 คือ 'โรคระบาด' หลังกรมควบคุมโรคพบผู้ป่วยต้องสงสัย 'ฝีดาษวานร' (Mpox) สายพันธุ์รุนแรงจากแอฟริกา เคลด 1 บี รายแรกในไทย เมื่อวันที่ 21 ส.ค.
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ด้วยธุรกิจโรงแรมเพิ่งฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 ได้ไม่นาน จึงค่อนข้าง “ตื่นตระหนก” เมื่อทราบข่าวการระบาดของฝีดาษวานร และพบผู้ป่วยในไทยแล้ว ทั้งยังเป็นโรคที่สามารถติดต่อจากละอองฝอยผ่านทางเดินหายใจ เช่น การไอ และการจามได้ นอกเหนือจากการสัมผัสการคัดหลั่งของผู้ป่วย สัมผัสของใช้ของผู้ป่วย และการสัมผัสผู้ป่วยที่มีผื่น ตุ่ม หนอง หรือแผล
“เอกชนท่องเที่ยวต้องการให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการรับมือการระบาดของฝีดาษวานร เช่น สนามบินมีจุดกักกัน คัดกรองคนที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เพราะภาคท่องเที่ยวไม่อยากเจ็บซ้ำเหมือนวิกฤติโควิดที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ สมาคมฯยังคงกังวลสถานการณ์ “สงคราม” ที่น่าจะเรื้อรังในระยะยาว ส่งผลกระทบต่อ “เศรษฐกิจโลก” ซึ่งประเมินว่าช่วงไฮซีซันตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้จนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังเดินทางจับจ่ายเงิน แต่น่าจับตาว่าในปี 2568 เศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวมากแค่ไหน
โดยเฉพาะตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” ที่ฟื้นตัวช้า ทางการจีนเน้นโปรโมตให้คนจีนเที่ยวในประเทศ และได้ยินมาว่าคนจีนกลุ่มเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกได้รับการอนุมัติหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ค่อนข้างยาก ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์และนิยมเลือกเดินทางมาประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรกของการเที่ยวต่างประเทศ
“อย่างไรก็ตาม มองว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจะเข้าป้าย 36.7 ล้านคนตามเป้าหมายของรัฐบาลได้อยู่แล้ว แต่จุดที่น่ากังวลคือค่าใช้จ่ายต่อคนยังต่ำ น้อยกว่าปี 2562 ก่อนโควิดระบาดด้วยซ้ำ ทำให้รายได้รวมการท่องเที่ยวไทยตลอดปี 2567 จะไปถึงเป้าหมาย 3.5 ล้านล้านบาทหรือไม่นั้น นับว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก”
ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 ส.ค. 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสม 22,474,172 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,058,026 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 4,555,262 คน มาเลเซีย 3,104,092 คน อินเดีย 1,294,076 คน เกาหลีใต้ 1,193,255 คน และรัสเซีย 1,053,724 คน