'อาร์เอส' เร่งสร้างเฮ้าส์แบรนด์ ดึงดารา-ศิลปิน ดันรายได้คอมเมิร์ซพันล้าน

พรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส มิวสิค จำกัด กล่าวว่า อาร์เอส ลิฟเวลล์ (RS Livewell) ที่มีพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ กลุ่มสุขภาพและความงาม ได้มุ่งขยายกลุ่มสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ขยายไปสู่การร่วมมือกับ อาร์เอส มัลติมีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ อาร์เอส มิวสิค สู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งฟู้ดสแน็ค และ คัลเลอร์ คอสเมติค อย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้เป็นการร่วมนำ โมเดลเอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ (Entertainmerce)ให้ขยายตัว โดยวางแนวแนวคิดขับเคลื่อนธุรกิจด้วย "คอนเทนต์ ทู คอมเมิร์ซ" (Content to Commerce) หรือ C2C ผสมด้วย มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง โดยใช้กลยุทธ์หลัก 3 ด้านสร้างแบรนด์ ได้แก่ Strategic Partnership การร่วมมือโคแบรนด์ธุรกิจในเครือ เพื่อร่วมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่ง เริ่มจาก แบรนด์ "ปากท้อง" น้ำพริกที่มี 3 รสชาติหลัก ภายใต้การร่วมมือกับ รายการปากท้องต้องรู้ ดูแล้วรวยรวย ทางช่อง 8 พร้อมร่วมดึง เอ ไชยา และแป้ง ศรันฉัตร์ มิตรชัย เป็นเจ้าของร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน 

 

โดยใช้กลยุทธ์หลัก 3 ด้านสร้างแบรนด์ ได้แก่ Strategic Partnership การร่วมมือโคแบรนด์ธุรกิจในเครือ เพื่อร่วมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่ง เริ่มจาก แบรนด์ "ปากท้อง" น้ำพริกที่มี 3 รสชาติหลัก ภายใต้การร่วมมือกับ รายการปากท้องต้องรู้ ดูแล้วรวยรวย ทางช่อง 8 พร้อมร่วมดึง เอ ไชยา และแป้ง ศรันฉัตร์ มิตรชัย เป็นเจ้าของร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน 

ทั้งนี้ กลุ่มแฟนคลับของบ้าน มิตรชัยในช่องทางโซเชียล มีเดียต่างๆ มีฐานแฟนคลับมากกว่า 5 แสนคน โดยกำหนดราคาน้ำพริกไว้ที่ 299 บาท ขนาด 250 กรัม

โดยมุ่งเจาะตลาดกลุ่มบน หรือ เซ็กเมนต์เดียวกับ น้ำพริกนางงาม ส่วนภาพรวมตลาดน้ำพริกและซอสปรุงรสในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 5.70 หมื่นล้านบาท และมีการเติบโตเฉลี่ย 8%

กลยุทธ์​สตาร์ คอมเมิร์ซ​ โดยใช้แนวทางร่วมมือ ศิลปินและดาราในสังกัด มาร่วมสร้างแบรนด์ โดยผลิตภัณฑ์แรกที่ได้ดึง ใบเตย มาร่วมสร้างแบรนด์ความงาม “Bbooty” เน้นใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งตลาดผลิตภัณฑ์ความงามของประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 2.08 หมื่นล้านบาท และมีการเติบโต 33% ในปีก่อน 

“การเลือกใบเตยมา มาร่วมสร้างแบรนด์ความงามในครั้งนี้ เพราะบริษัทมองจากหลายปัจจัยทั้ง ใบเตย ที่มีฐานแฟนคลับติดตามผ่านโซเชียลกว่า 6.5 ล้านบัญชี การมีแพชชั่นอยากสร้างแบรนด์ รวมถึงการมองเรื่องการให้โอกาสแก่ใบเตย และการแก้ไข ปรับปรุง” 

กลยุทธ์ แบรนด์คอลลาบอเรชั่น การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่มีศักยภาพร่วมต่อยอดธุรกิจ ทำให้ได้ร่วมมือกับแบรนด์ เท็ลมี ที่มีผลิตแป้งพับทาหน้า และอยู่ในตลาดมายาวนาน มาสร้างโคแบรนด์ใหม่กับ “เท็ลมี ดาร์ลิง” (TellmeDarling by Darling&Co) พร้อมดึงศิลปิน เบิ้ล ปทุมราช และ ลำไย ไหทองคำ มาร่วมสร้างเพลงใหม่ตามชื่อแบรนด์ เตรียมเปิดตัวในเร็วๆ นี้ 

สำหรับการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีมูลค่ากลุ่มผลิตภัณฑ์แต่งหน้าประมาณ 5,100 ล้านบาท 

แนวทางการช่องทางทำตลาด มุ่งผ่านอีคอมเมิร์ซต่างๆ พร้อมวางแผนขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอาเซียน นำร่องในประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีพาร์ทเนอร์เป็นตัวแทนกระจายสินค้า โดยตลาดฟิลิปปินส์มีศักยภาพสูง เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้าที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย มีฐานประชากรกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมาก 

ทั้งนี้ จากการรุกผลิตภัณฑ์ 3 แบรนด์ใหม่นี้ คาดว่าจะสร้างรายได้รวมประมาณ 250 ล้านบาท ทำให้ในสิ้นปีนี้ รายได้รวมจากกลุ่มธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ จะอยู่ในระดับ 1,000 ล้านบาท

"ในภาวะเศรษฐกิจในแบบนี้  ทุกคนต่างเจอความเสี่ยงเหมือนกัน แต่ The show must go on เราต้องประเมินสถานการณ์รอบด้าน ทำให้ดีที่สุด และวางแผนให้สอดคล้องกับ เศรษฐกิจ มีการทำ Risk management จึงมุ่งใช้ช่องทางออนไลน์ร่วมสร้างแบรนด์เป็นเฟสแรก ยังไม่เร่งขยายไปสู่ห้างค้าปลีกทันที" 

 

วรัญญา ราชพลสิทธิ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส ลิฟเวลล์ จำกัด เสริมว่า การขยายสู่ผลิตภัณฑ์ 3 แบรนด์ใหม่ วางแนวทางรุกกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจนเนอเรชันวายและซี พร้อมวางตำแหน่งสินค้าเป็นพรีเมียม เนื่องจากมาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มุ่งวางรากฐานจากนวัตกรรม และเป็นการนำเสนอสิ่งใหม่ 

อีกทั้งการใช้ช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างแบรนด์ และวางแผนขยายสินค้ากลุ่มอื่นๆ ใหม่ในอนาคต 

"การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ความงาม เน้นสร้างฟังก์ชันนอล และวางตำแหน่งสินค้าที่แตกต่าง พร้อมด้วยคุณภาพ จึงไม่เน้นแข่งขันในเรื่องราคา" 

อย่างไรก็ตาม แนวทางขยายธุรกิจที่มีพาร์ทเนอร์มาร่วมมือ จึงเป็นการร่วมต่อยอดความแข็งแกร่งของแต่ละธุรกิจ และการเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ในระยะยาว พร้อมร่วมติดสปริงบอร์ดให้แก่ธุรกิจ