ทำไมภาครัฐถึงต้องเข้ม ต้อน ‘โรงแรม’ เข้าระบบ รับมือเหตุร้ายเกิดกับต่างชาติ

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า จากกรณีชาวเวียดนาม 6 รายเสียชีวิตในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านราชประสงค์ สมาคมฯ มองว่าไม่กระทบต่อภาพรวมการท่องเที่ยวไทยมากนัก เพราะเป็นการก่อเหตุอาชญากรรมที่ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของโรงแรม เป็นเรื่องของบุคคลภายนอกที่ลักลอบเข้ามาก่อเหตุ เพียงแต่ผลกระทบที่เกิดกับโรงแรมดังกล่าว อาจกระทบต่อความรู้สึกของผู้ใช้บริการ

“โรงแรมที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมที่ได้มาตรฐาน เขามีระบบการบันทึกต่างๆ ครบถ้วน มีขั้นตอนการเก็บบันทึกทะเบียนเข้าพัก (ร.ร.4) ประกอบกับประตูเข้าห้องพักเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถจับเวลาเข้าออกได้ สิ่งเหล่านี้ทางโรงแรมทำได้ครบถ้วน แต่คนก่อเหตุก็คงหาวิธีเข้ามาก่อเหตุอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมีการก่อเหตุในโรงแรมอื่นที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม อาจไม่สามารถสรุปข้อมูลได้เร็วขนาดนี้”

ทั้งนี้ มองว่าสิ่งที่รัฐบาลช่วยได้ คือการเร่งปิดคดีให้เร็วที่สุด พิสูจน์ให้ภาคประชาชนรับทราบว่าเกิดเหตุจากอะไร แรงจูงใจของผู้ก่อเหตุคืออะไร เพราะการวางยาพิษผู้เสียชีวิต ไม่ได้มาจากการปนเปื้อนขณะพนักงานโรงแรมปฏิบัติงาน

“มองว่าการก่อเหตุอาชญากรรมแบบนี้ เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ยาก แต่ถ้ามีระบบปฏิบัติการติดตามผลที่ดีของระบบโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้สมาคมโรงแรมสนับสนุนการดึงผู้ประกอบการโรงแรมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเข้าระบบมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้เข้าพัก สามารถสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ อย่างประเทศสิงคโปร์ ที่นั่นไม่มีโรงแรมไม่ถูกกฎหมาย ต่างจากประเทศไทยปัจจุบันมีโรงแรมถูกกฎหมายจดทะเบียนในระบบ 16,000 แห่งทั่วประเทศ แต่พบว่ามีโรงแรมที่พักขายผ่านบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ทั้งหมด 40,000 แห่งทั่วประเทศ”

“ที่ผ่านมารัฐบาลได้ผ่อนผันเงื่อนไขเพื่อเอื้อโรงแรมนอกระบบเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐเองก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ดึงโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตมาจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้นด้วย” นายเทียนประสิทธิ์ กล่าว

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย