กลุ่มผลิตสุราพื้นบ้าน หนุนปลดล็อค 'สุราก้าวหน้า' วอนลดขั้นตอนเสียภาษี
กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มตะกั่วป่าสาโทไท จ.ขอนแก่น เห็นด้วยพร้อมสนับสนุนนโยบายสุราก้าวหน้า หลังพรรคการเมืองแกนนำจัดตั้งรัฐบาล บรรจุเรื่องสุราก้าวหน้าเป็น 1 ใน 23 ข้อตกลง MOU วอนลดขั้นตอนการเสียภาษีและการต่อใบอนุญาต เพราะปัจจุบันมีความซ้ำซ้อนและเป็นภาระ
วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นายบวน การสร้าง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มตะกั่วป่าสาโทไท อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้มีการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายสุราก้าวหน้าว่าในเนื้อหาของนโยบายนี้จะมีการช่วยเหลือและส่งเสริมกลุ่มผู้ผลิตสุราชุมชนอย่างไรบ้าง แต่หากนโยบายดังกล่าวมีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและสามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้ผลิตสุราชุมชน ที่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ให้มีโอกาสในการผลิตสินค้าของชุมชนได้ ทางกลุ่มก็เห็นด้วยและสนับสนุนนโยบายนี้ เพราะนโยบายสุราก้าวหน้า จะช่วยผลักดันราคาข้าวเหนียว ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสุราให้มีราคาดีตามไปด้วย
“ถ้าทำสุรากลั่นจากข้าว เราไม่ต้องไปรับประกันราคาข้าวให้ยุ่งยาก เพราะราคาข้าวจะควบคู่ไปกับราคาของสุราไปโดยปริยาย ชาวนาทำนามาแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าราคาข้าวจะตกต่ำ อย่างเช่น ถ้าปัจจุบันราคาจำหน่ายข้าวเปลือกอยู่ที่ราคาไม่เกิน 15 บาทต่อกิโลกรัม หากเรานำเอาข้าวส่วนนั้นมาผลิตสุรากลั่นจากข้าวเหนียว จำนวน 1 ตัน เป็นเงินจำนวน 15,000 บาท เราจะสามารถขายผลผลิตข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 40,000 บาท
โดยการแปรรูปจากข้าวเหนียวมาเป็นสุรา ไม่ต้องรอเข้าวไปขายให้กับโรงสีหรือพ่อค้าคนกลางเพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีตที่ผ่านมา หากพ่อค้าข้าวกดราคา ชาวนาก็มีทางเลือกโดยการเอาข้าวมาขายให้กลุ่มผลิตสุราชุมชนแทน เพราะจะได้ราคาดีกว่า เป็นการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวอีกทางด้วย” นายบวน กล่าว
นายบวน กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาในการดำเนินการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มตะกั่วป่าสาโทไท อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น คือ เรื่องของการเสียภาษีที่ค่อนข้างสูง มีความซ้ำซ้อน เมื่อใบอนุญาตหมดอายุ ก็ต้องนำเอกสารต่าง ๆ ใบยื่นเรื่องขออนุญาตใหม่ ปัญหาคือต้องทำใหม่ทั้งหมด ทำให้เสียเวลาในการทำเอกสาร และต้องเดินทางไปยื่นเรื่องที่กรมสรรพสามิต ไกลถึง จ.อุดรธานี เพราะสำนักงานใหญ่อยู่ที่นั้น
ขณะที่การเสียภาษีสรรพสามิตที่ทางวิสาหกิจชุมชนฯ ก็ต้องเสียซ้ำซ้อน ทั้งเสียภาษีขาย ทั้งขายส่งและขายปลีก รวมไปถึงเสียภาษีทั้งรายปีและรายเดือน ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง อยากให้รัฐบาลชุดใหม่หาทางช่วยเหลือในเรื่องนี้ ว่าสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการเสียภาษีและการต่อใบอนุญาตของสุราชุมชนให้เป็นเหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น เช่น เบียร์ ที่เสียภาษีครั้งเดียวจบ จะสามารถทำได้หรือไม่
เพราะขณะนี้ต้องแบกรับภาระตั้งแต่การทำเรื่องการขออนุญาตผลิต การขออนุญาตจำหน่าย ค่าอากรแสตมป์ ค่าขนส่ง และใบอนุญาตขนส่ง ซึ่งเป็นภาระที่ต้องแบกรับมาก
สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มตะกั่วป่าสาโทไท อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ได้เริ่มดำเนินการผลิตสุรากลั่นชุมชน (สุราขาว 40 ดีกรี) และสุราแช่ชุมชน (เหล้าสาโท) มาตั้งแต่ปี 2544 ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 50 คน มีงบบริหารภายในกลุ่ม 125,000 บาท
โดยเก็บจากสมาชิกคนละ 2,500 บาท ปันผลกำไรทุกสิ้นปี มีการขออนุญาตการผลิตตามขั้นตอนที่ทางภาครัฐได้กำหนด และเสียภาษีอากรตามระเบียบทุกขั้นตอน มีขนาดกำลังการผลิต 65 ลิตรต่อวัน กำลังแรงม้าของเครื่องจักร 3 แรงม้า รายได้ต่อปี ประมาณปีละ 360,000 บาท ปัจจุบันยังไม่มีหน้าร้านเปิดขาย ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากการบอกต่อกันแล้วเดินทางมาซื้อถึงที่ทำการฯ
ในอนาคตหากนโยบายสุราก้าวหน้า สามารถดำเนินการได้จริงและมีการช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตสุราชุมชน ทางกลุ่มฯ ก็จะมีการประชุมหารือกันในการจัดตั้งหน้าร้านเพื่อจำหน่ายอย่างเป็นทางการ