หุ้นยูบีเอสดิ่ง 14% หุ้นเครดิต สวิสทรุด 62% หลังซื้อกิจการ

หุ้นยูบีเอสดิ่ง 14%  หุ้นเครดิต สวิสทรุด 62% หลังซื้อกิจการ

ราคาหุ้นยูบีเอสปรับตัวร่วงลง 14% ส่วนราคาหุ้นเครดิต สวิส ทรุด 62% หลังจากธนาคารเสนอซื้อกิจการของเครดิต สวิส ในวงเงิน 3 พันล้านฟรังก์สวิส (3.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า หุ้นเครดิต สวิส ปรับตัวลดลงถึง 62% ในวันนี้ (20 มี.ค.) ขณะที่หุ้นยูบีเอส (UBS) ปรับตัวลงเกือบ 14% หลังยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ตกลงเข้าซื้อกิจการธนาคารเครดิต สวิส ในวงเงิน 3 พันล้านฟรังก์สวิส (3.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ (19 มี.ค.)

นายนีล เชียริง หัวหน้ากลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ระบุว่า การที่ยูบีเอสเข้าซื้อกิจการเครดิต สวิสอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการยุติข้อสงสัยเกี่ยวกับความอยู่รอดของธุรกิจเครดิต สวิส แต่ปัญหาอยู่ที่รายละเอียดในการซื้อกิจการเครดิต สวิสของยูบีเอส

"ปัญหาหนึ่งก็คือราคาซื้อกิจการที่ 3 พันล้านฟรังก์สวิสนั้นเท่ากับประมาณ 4% ของมูลค่าตามบัญชีของเครดิต สวิส และประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดของเครดิต สวิสเมื่อช่วงต้นปีนี้" นายเชียริง กล่าวในวันนี้

"กรณีดังกล่าวหมายความว่าสินทรัพย์จำนวนมากจากทั้งหมด 5.7 แสนล้านดอลลาร์ของเครดิต สวิสอาจด้อยค่าลงหรือถูกมองว่าเสี่ยงที่จะด้อยค่า ซึ่งอาจกระพือความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเข้มแข็งของภาคธนาคาร"

 

 

การซื้อกิจการดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้การดำเนินงานร่วมกันระหว่างธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์, รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ และหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิตเซอร์แลนด์

ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ได้ให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินกู้ยืมจำนวนสูงถึง 1 แสนล้านฟรังก์ (1.08 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนการเทกโอเวอร์กิจการ

ขณะที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้อนุมัติเงินค้ำประกันจำนวนสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงให้กับยูบีเอส

 

 

นายโคล์ม เคลเลเฮอร์ ประธานยูบีเอสกล่าวว่า “การเข้าซื้อกิจการเครดิต สวิส ถือเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นของยูบีเอสพึงพอใจ อย่างไรก็ดี เรายอมรับว่าสถานการณ์ของเครดิต สวิสยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล และนี่เป็นการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน”

นอกจากนี้ นายเคลเลเฮอร์กล่าวว่า ยูบีเอสวางแผนที่จะลดขนาดธุรกิจวาณิชธนกิจของเครดิต สวิส ซึ่งเป็นธุรกิจที่ขาดทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปลดพนักงานจำนวนมากเพียงใด นายเคลเลเฮอร์ตอบว่า “ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าเราจะปลดพนักงานจำนวนเท่าใดหลังจากการทำข้อตกลงซื้อกิจการในครั้งนี้”