"บลจ.บัวหลวง" สร้างวิถีใหม่ "ลงทุนยั่งยืน" ในประเทศไทย

"บลจ.บัวหลวง" สร้างวิถีใหม่ "ลงทุนยั่งยืน" ในประเทศไทย

"บลจ.บัวหลวง" เดินหน้าสร้างวิถีใหม่ ผนึก "Wellington Management" ขยายความร่วมมือ ต่อยอดองค์ความรู้ สร้างรากฐานสำหรับการลงทุนอย่างยั่งยืนในไทย

"การลงทุนอย่างยั่งยืน" (Sustainable Investing : SI) ที่คำนึงถึงปัจจัยด้าน "การดูแลสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG)" ในวันนี้ คงไม่ใช่แค่กระแสอีกต่อไป แต่กลายเป็นวิถีใหม่ของการลงทุนที่จะพัฒนาตลาดทุนไทยไปอีกก้าวสู่ความยั่งยืน ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ล่าสุด บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนบัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM ซึ่งตระหนักและให้ความสำคัญกับการบริหารเงินลงทุนแบบ SI และตามหลักการของ ESG อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ในปีนี้ได้ประสานพลังกับ Wellington Management ผู้จัดการกองทุนระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนมาอย่างยาวนาน เพื่อขยายความร่วมมือกัน และเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการลงทุนที่ยั่งยืนในประเทศไทยต่อไป

พีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBLAM ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "กรุงเทพธุรกิจ" เกี่ยวกับความร่วมมือดังกล่าวว่า ปัจจุบันโลกต้องเผชิญความเสี่ยงจาก ภาวะโลกร้อน และสภาพอากาศแปรรวน รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ บจ. อาจต้องใช้จ่ายงบประมาณไปกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความเสี่ยงเปลี่ยนผ่านจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Transition Risk) เช่น การเปลี่ยนแปลงจาก Fossil Fuel ไปสู่ พลังงานสะอาด เพื่อให้ธุรกิจเกิดความยั่งยืนอย่างจริงจัง

\"บลจ.บัวหลวง\" สร้างวิถีใหม่ \"ลงทุนยั่งยืน\" ในประเทศไทย

สอดรับกับ BBLAM ซึ่งเชื่อมั่นและตระหนักว่า การลงทุนอย่างยั่งยืน จะให้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว ด้วยการนำ ESG Integration และ Active Engagement มาใช้ในกระบวนการคัดเลือกหุ้น เพื่อหาผู้ชนะทางธุรกิจที่ปรับตัวได้รวดเร็ว และหลีกเลี่ยงธุรกิจที่ไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลง หรือธุรกิจที่อาจมีการฟอกเขียว (Green Washing) จากการกล่าวอ้างที่เกี่ยวเนื่องกับความยั่งยืน

สำหรับความร่วมมือกับ Wellington Management เพื่อที่จะต่อยอดองค์ความรู้ ความเข้าใจด้านความยั่งยืน จากทีมผู้จัดการกองทุน และนักวิเคราะห์ของ Wellington ทั้งจากสำนักงานใหญ่ บอสตัน และหัวเมืองหลักทั่วโลก อาทิ ลอนดอน เซี่ยงไฮ้ ออสเตรเลีย ให้กับทีมงานของ BBLAM และนำไปสู่การพัฒนาตลาดทุนไทยให้ก้าวไปพร้อมกับการยกระดับของการตระหนักรู้และคำนึงถึงปัจจัยด้าน ESG ให้เป็นรูปธรรม ทัดเทียมมาตรฐานสากล เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการลงทุนที่ยั่งยืนในไทยต่อไป

\"บลจ.บัวหลวง\" สร้างวิถีใหม่ \"ลงทุนยั่งยืน\" ในประเทศไทย

พีรพงศ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน Wellington Management เป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญการลงทุนอย่างยั่งยืนมายาวนาน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) มากกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทุกกองทุนของ Wellington ใช้หลักการวิเคราะห์การลงทุนที่ยั่งยืน ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดและช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุน สะท้อนจากกองทุนแบบ ESG อ้างอิงผลตอบแทน Dow Jones Sustainability Index ย้อนหลัง 5 ปี ที่ 9.34% และ 10 ปี ที่ 12.36% สูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทน Dow Jones Index ย้อนหลัง 5 ปี ที่ 8.66% และ 10 ปี ที่12.15% โดยใช้วิธีการคัดเลือกหุ้นด้วยทีมงาน ESG ที่วิจัยและใช้ข้อมูลเชิงลึกเป็นกรรมสิทธิ์แก่นักลงทุนของเรา เช่น ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยสภาพภูมิอากาศอิสระชั้นนำของโลก (WCRC) เพื่อสนับสนุนการพิจารณา ESG ผสมผสานการวิเคราะห์ การมีส่วนร่วมของบริษัท และตรวจสอบพอร์ตโฟลิโอเชิงลึก รวมถึงพัฒนาเครื่องมือสำหรับนักลงทุน และวิธีการวิเคราะห์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อปรับปรุงประเมินความเสี่ยงด้านต่างๆ และผลการลงทุน

\"บลจ.บัวหลวง\" สร้างวิถีใหม่ \"ลงทุนยั่งยืน\" ในประเทศไทย

พีรพงศ์ กล่าวต่อไปว่า BBLAM วางเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้า จะนำการวิเคราะห์การลงทุนอย่างยั่งยืนมาใช้ในกองทุนเดิมทั้งหมด และพัฒนากลยุทธ์การลงทุนอย่างยั่งยืน สำหรับกองทุนใหม่ แบบ Active ที่เป็น Super Sector ของทศวรรษหน้า เพื่อชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีขึ้น เช่น ธีมการลงทุนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ

สำหรับการลงทุนที่ยั่งยืนคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว 7 - 10 ปี ยังให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและดีกว่าตลาดแน่นอน สะท้อนจากปัจจุบัน มี 2 กองทุน ESG ยังให้ผลตอบแทนดี โดยข้อมูล ณ 25 ม.ค. 2566 กองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 478.08 ล้านบาท ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ปี2557) ที่ 1.2% ต่ำกว่า SET TRI ที่  3.92% แต่ย้อนหลัง 1 ปี ที่ 3.96% สูงกว่า SET TRI ที่ 3.53 % และกองทุนเปิดบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล (BSIRICG) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3,516.21 ล้านบาท ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ปี 2555) ที่ 4.77% สูงกว่า SETHD TRI ที่ 4.68%

\"บลจ.บัวหลวง\" สร้างวิถีใหม่ \"ลงทุนยั่งยืน\" ในประเทศไทย

ส่วนความต้องการลงทุนของผู้ลงทุน พบว่า ปัจจุบันการลงทุนที่ยั่งยืนเป็นวิถีใหม่ของนักลงทุนทุกเจเนอเรชัน ทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบสินค้า และบริการที่เกี่ยวกับความยั่งยืน เช่น ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก พลังงานสะอาด ที่สำคัญคือ นักลงทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนมาแล้วจะกลับมาคาดหวังการลงทุนยั่นยืนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว 5 - 10 ปีมากขึ้น รวมถึงนักลงทุนสถาบัน อย่างกองทุนประกันสังคมและกองทุน กบข. รวมถึงนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ เริ่มลดการถือครองหุ้นที่ไม่คำนึงถึงปัจจัยด้าน ESG เพราะการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทได้มากกว่านั่นเอง

พีรพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยความเชื่อมั่นว่า จากนี้ต่อไปในอนาคต บจ.ไทย ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก จะปรับตัวสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเห็นได้ว่า มี บจ.ไทย เข้าคำนวณดัชนีหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มขึ้นทุกปี แม้ในตอนนี้ในแง่ของจำนวนหุ้นยั่งยืนในไทยมีให้เลือกลงทุนค่อนข้างจำกัด

\"บลจ.บัวหลวง\" สร้างวิถีใหม่ \"ลงทุนยั่งยืน\" ในประเทศไทย