ถอดรหัสความสำเร็จ "สามย่านมิตรทาวน์" ครองใจชุมชนด้วย "มิตร DNA"

ถอดรหัสความสำเร็จ "สามย่านมิตรทาวน์" ครองใจชุมชนด้วย "มิตร DNA"

ถอดรหัสความสำเร็จ "สามย่านมิตรทาวน์" ครองใจชุมชนด้วย "มิตร DNA" ขับเคลื่อนพื้นที่สร้างสรรค์แห่งกรุงเทพฯ ด้วยจุดยืนที่แตกต่าง ชัดเจน พร้อมสนับสนุนให้ชุมชนรอบข้างเติบโตไปด้วยกัน

กว่า 3 ปีที่ สามย่านมิตรทาวน์ ทำหน้าที่เป็น "คลังอาหารและการเรียนรู้" ที่เติมเต็มพื้นที่ สามย่าน ย่านชุมชนดั้งเดิม และแหล่งสถาบันการศึกษาและสำนักงานบนถนนพระราม 4 ใจกลางกรุงเทพฯ ให้คึกคัก และเป็นที่ที่สมบูรณ์กว่าที่เคยเป็นมา แม้ว่าตลอดเส้นทางการเติบโตทางธุรกิจจะเผชิญการดิสรัปอย่างหนัก โดยเฉพาะ 3 เดือนแรกของการเปิดศูนย์ฯ ที่พบกับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ คือการล็อกดาวน์จากวิกฤติโควิด-19 หากแต่ "สามย่านมิตรทาวน์" ก็ยังสามารถก้าวข้ามทุกความท้าทาย พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำธุรกิจรีเทลยุคใหม่ที่ครองใจชุมชนอย่างแท้จริง 

ถอดรหัสความสำเร็จ "สามย่านมิตรทาวน์" ครองใจชุมชนด้วย "มิตร DNA"

ธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) หรือ FPCT กล่าวว่า สามย่านมิตรทาวน์ ผ่านบทพิสูจน์มามากมาย และก้าวผ่านได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อน DNA ที่แตกต่างและมีความชัดเจน ด้วยจุดยืนของการเป็น "มิตร" การบริหารจัดการศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์แห่งนี้เป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้าทั่วไป ด้วยเจตนารมณ์และการให้บริการที่สร้างพื้นที่แห่งนี้ให้เป็น "หัวใจของชุมชน" ที่พร้อมจะสนับสนุนให้ชุมชนรอบข้างได้เติบโตไปด้วยกัน และรักษาความเป็นสามย่านที่อยู่คู่กรุงเทพฯ ตลอดมา ด้วย "มิตร DNA" ที่มีจุดมุ่งหมายในการเป็นเพื่อนที่ดีของชุมชน ร้านค้า และลูกค้า สร้างจุดแข็งให้สามย่านมิตรทาวน์มีจุดยืนด้านการตลาดที่ชัดเจน

โดย มิตร DNA นี้ หลอมรวมมาจาก 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่

  1. Great Location การเป็นโลเคชันกลางเมือง มีสถานศึกษาจำนวนมาก รวมทั้งที่อยู่อาศัย มีคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์กลุ่มนิสิต นักศึกษา ทำให้คนรอบพื้นที่เข้ามาใช้บริการในสามย่านมิตรทาวน์ตลอดเวลา 
  2. Unique Current Customers ที่ประกอบด้วยนิสิตนักศึกษา 50% คนทำงาน 40% กลุ่มครอบครัวและเด็ก 10% ทำให้เป็นศูนย์การค้าที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างสม่ำเสมอตลอดสัปดาห์
  3. Differentiated Merchandise Mix ประกอบไปด้วย โซนอาหาร สัดส่วน 40% ไลฟ์ลองเลิร์นนิ่ง โซน 24 ชั่วโมง ซึ่งเติบโตถึง 20% สามย่าน โค-ออป เติบโต 30% รวมทั้งยังมี AIS eSports Studio คอมมูนิตี้ฮับอีสปอร์ตแห่งแรกตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่สามารถดึงคนได้เป็นอย่างดี
  4. Mixed-use ช่วยดึงทราฟฟิกได้มหาศาลและสม่ำเสมอจากช้อปปิ้งมอลล์ที่มีร้านค้าหลากหลาย โดยในภาพรวมของอาคารมิกซ์ยูส มีอัตราเช่าพื้นที่รีเทลสูงถึง 98% อาคารสำนักงานขนาดพื้นที่เช่ารวม 48,000 ตร.ม. มีอัตราการเช่า 95% ขณะที่ ธุรกิจโรงแรม มีอัตราการเข้าพักสูงถึง 90% และคอนโดมิเนียม 516 ยูนิต ปิดการขายโครงการเรียบร้อยแล้ว ทำให้สร้างปริมาณคนหมุนเวียนแต่ละช่วงเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  5. Exceptional Marketing Program ที่ขับเคลื่อนต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอแม้กระทั่งช่วงล็อกดาวน์ ที่ทำให้ชิฟท์ไปสู่ "ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง" มากขึ้น  

ถอดรหัสความสำเร็จ "สามย่านมิตรทาวน์" ครองใจชุมชนด้วย "มิตร DNA"

แนวคิดที่มุ่งสร้างประสบการณ์ที่สดใหม่ให้แก่ลูกค้า (Customer Experience) ทำให้ สามย่านมิตรทาวน์ เติบโตและต่อยอด ช่วยสร้างความคึกคักให้พื้นที่ค้าปลีกอยู่เสมอ สะท้อนความสำเร็จได้จากยอดทราฟฟิกผู้ใช้บริการที่สวิงกลับมาถึง 135% 

หากเทียบปริมาณลูกค้าหมุนเวียนของสามย่านมิตรทาวน์ ก่อนโควิดอยู่ที่ 55,000 คนต่อวัน เทรนด์ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. เพิ่มขึ้น 35% ขยับมาอยู่ที่ 79,000คนต่อวัน เชื่อว่าสัญญาณบวกจากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น การมาเยือนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าเดือน ต.ค.-ธ.ค. ทราฟฟิกจะเพิ่มขึ้นอีก 10% หรือมีลูกค้าแตะระดับ 80,000 คนต่อวัน

"เราพร้อมที่จะเติบโตต่อไปด้วยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ด้วยจุดแข็งของการเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ผสมผสานระหว่างศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานไว้ในที่เดียวกัน ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย สร้างทราฟฟิกสูงในทุกวันตลอดสัปดาห์" 

ก้าวสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของ สามย่านมิตรทาวน์ สู่รีเทลยุคใหม่ ด้วยแนวคิด "Inspiring Everyday Experiences" พร้อมรุกสานต่อการเป็น "หัวใจของชุมชน" ด้วยการทำให้พื้นที่สามย่านให้แข็งแกร่งขึ้น โดยมุ่งผลักดันและส่งเสริมให้ย่านนี้เป็นเดสติเนชันทำให้มีลูกค้าประจำและลูกค้าจรแวะเวียนมาเสมอ อีกทั้งผลักดันให้ธุรกิจรายย่อยและคนในชุมชนได้รับโอกาสด้านธุรกิจเสมอ

"สิ่งที่สามย่านมิตรทาวน์ริเริ่ม และนำหน้าพื้นที่รีเทลอื่นๆ ในการพัฒนาระดับสังคม คือ การสนับสนุนให้กรุงเทพฯ มีพื้นที่สร้างสรรค์คุณภาพตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยให้บริการพื้นที่กิจกรรม พื้นที่การเรียนรู้สำหรับนักเรียนและชุมชน บริการ Coworking space พื้นที่เวทีแห่งดนตรีและศิลปะการแสดง ตลอดจนพื้นที่อเนกประสงค์เพื่อรองรับความต้องการของชุมชน" 

แนวทางเหล่านี้ ธีรนันท์ ฉายภาพว่า ได้คิดกลยุทธ์ที่อิงไปกับสถานการณ์และบรรยากาศทางการตลาดในปัจจุบัน โดยมีทั้งหมด 3 ส่วน เริ่มจากการกลับมาของ On Site ของนักเรียน ทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ทำให้สามย่านมิตรทาวน์กลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่วนที่สอง Work from Office กลับมาแทนที่ Work from Home โดยองค์กรต่างๆ เริ่มให้คนกลับมาทำงานที่สำนักงาน หรือปรับใช้โมเดลไฮบริด หรือ Work from Anywhere โดยสื่อสารผ่านเทคโนโลยี ทำให้คนออกมาทำงานที่ร้านกาแฟ ร้านอาหารมากขึ้น และส่วนที่สาม Economic Stimulus Measures จากฝั่งรัฐบาล ไม่ว่าเป็นมาตรการคนละครึ่ง ฯลฯ ทำให้คนเกิดความรู้สึกอยากกลับมาจับจ่ายใช้สอย ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ส่งผลให้ทราฟฟิกของ สามย่านมิตรทาวน์ สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ถอดรหัสความสำเร็จ "สามย่านมิตรทาวน์" ครองใจชุมชนด้วย "มิตร DNA"

ขณะที่ เมกะเทรนด์รีเทลที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 ธีรนันท์ เชื่อว่า ธุรกิจค้าปลีกยังคงมีการขยายสาขาต่อเนื่องในรูปแบบของ "Expand with caution" กลุ่มเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเช่าพื้นที่ ทั้งขนาดเล็กและรายใหญ่จะมีบทบาทมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาของ "Local Brand Flourish" เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา แบรนด์เหล่านี้ถูกพัฒนาการขายในช่องทางออนไลน์ จนเป็นที่รู้จัก มีฐานลูกค้ามากขึ้น ขยายตัวเพิ่มขึ้นหลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย และ เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ รองรับกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป รวมทั้งแนวโน้มจากกำหนดค่าเช่าจากเดิมเป็นแบบอัตราคงที่ (Fixed Rate) ปรับเป็น GP และมีการปล่อยเช่ารูปแบบใหม่ออกมาหลากหลาย

ปีที่ผ่านมา ธุรกิจรีเทล ของ FPCT ยังขยายขีดความสามารถในการรองรับดีมานด์ตลาดด้วยแนวคิด Fluid Approach ที่ปรับตัวตามเทรนด์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สดใหม่ให้แก่ลูกค้า ประสบความสำเร็จไม่น้อยทีเดียว จากแคมเปญการตลาดที่เกาะกระแสนิยมแบบ Real Time ทำให้ "สามย่านมิตรทาวน์" เป็นหนึ่งในเดสติเนชันที่ต้องมาเช็กอินของคนกรุงเทพฯ

"การตลาดแบบทันท่วงทีคือ หัวใจสู่ความสำเร็จในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การปลดล็อกข้อจำกัดและรูปแบบการดำเนินงานแบบเดิมๆ ทำให้เอาชนะใจลูกค้าและทำให้กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และอีกหัวใจสำคัญ อีเวนต์ที่ทำ ต้องสัมพันธ์ (Relatable) กับลูกค้ากลุ่มนั้นๆ"

นอกจากนี้ ยังได้เปิดพื้นที่ภายในศูนย์การค้าให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือ Placemaking Space โดยให้บริการในรูปแบบพื้นที่สาธารณะ ทำให้คนใช้ชีวิตอยู่ในสามย่านมิตรทาวน์นานขึ้น ซึ่งเทรนด์ "Placemaking" เป็นพื้นที่ที่ทุกคนในชุมชนมาเยี่ยมเยียนและใช้ชีวิตประจำวันได้เสมอ ไม่ว่าจะมาพบปะสังสรรค์ หาของอร่อย อ่านหนังสือ หรือเพียงแค่มาพักผ่อนหย่อนใจ เพราะเรามีพื้นที่ที่หลากหลายและยืดหยุ่น รองรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกความต้องการ เรียกว่า สามย่านมิตรทาวน์ เป็นมากกว่าศูนย์การค้า เพราะเราต้องการส่งมอบประสบการณ์รีเทลที่แตกต่างจากคู่แข่ง

อย่างไรก็ดี ในวาระสำคัญที่ "สามย่านมิตรทาวน์" หัวใจของชาวสามย่านครบรอบ 3 ขวบปี เตรียมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้งาน "SAMYAN MITRTOWN 3rd ANNIVERSARY MITRDAY MITRLOVE FESTIVAL" วันที่ 28 ก.ย.-1 ต.ค. โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรและร้านค้าส่งมอบโมเมนต์แห่งความสุขผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตู้พูดได้ SAMYAN MITR-CHINE โซนเกมอาร์เคด ตลาดนัดสุดสัปดาห์ มินิคอนเสิร์ต จากวง POLYCAT, Getsunova, Bell Warisara และศิลปินมากมาย ขณะที่ไฮซีซัน 3 เดือนสุดท้ายแห่งปี ยังมีงานซิกเนเจอร์ "ลานนม" วันที่ 24 -31 ธ.ค. พร้อมงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตั้งแต่ 8 พ.ย. 2565 -1 ม.ค. 2566

สามย่านมิตรทาวน์ จะยังคงยกระดับประสบการณ์ สร้างปรากฏการณ์ในธุรกิจรีเทลให้มีสีสันและนำเทรนด์เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า พร้อมเติบโตไปกับชุมชนครองใจชาว สามย่าน