ทศวรรษแห่งโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน สู่การขับเคลื่อนการลงทุนในไทย

ทศวรรษแห่งโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน สู่การขับเคลื่อนการลงทุนในไทย

ทศวรรษแห่งโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อความต้องการลวด สายเคเบิล ท่อ ท่อไปป์ โลหะ และเหล็ก มีเพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่ทั่วโลกกำลังฟื้นตัวจากการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโควิด-19 และรัฐบาลต่างมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจและจัดลำดับความสำคัญให้แก่การสร้างอนาคตอันมั่งคงและยั่งยืน การใช้จ่ายในด้าน โครงสร้างพื้นฐาน นับเป็นข้อคัญลำดับต้นๆ ข้อหนึ่ง ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการสร้างอาชีพที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้น ในท้ายที่สุดผลลัพธ์มักจะยิ่งใหญ่กว่าการลงทุนใช้จ่ายในตอนแรกเสมอ ดังนั้นการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานจึงยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ในการที่จะสร้างมรดกอันดีงามในการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคือเครื่องมืออันแข็งแกร่งที่จะสร้างผลิตผลผ่านทางกิจกรรมการก่อสร้างและการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยรักษารูปแบบการฟื้นตัวในลักษณะตัว V แทนที่จะเป็นตัว U

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เผยให้เห็นถึงช่องว่างทางโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพ โทรคมนาคม และโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายรัฐบาลในภูมิภาคอาเซียนกำลังเร่งแก้ไข และในขณะเดียวกันภาคส่วนอื่นๆ ที่ต้องการการพัฒนาหรือปรับปรุงอย่างเร่งด่วนก็ได้ปรากฎขึ้นให้เห็นเช่นกัน จากไทยสู่เวียดนาม จากอินโดนีเซียสู่สิงคโปร์ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานนับเป็นวาระสำคัญที่อยู่ในลำดับแรก รวมถึงการพัฒนาโครงการต่างๆ ของประเทศ ได้แก่ ทางด่วน ทางหลวง สนามบิน ขนส่งมวลชน ไปจนถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในโครงการด้านพลังงานหมุนเวียน โลจิสติกส์และคมนาคม สาธารณสุข และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยในระดับเวทีโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับว่ามีบทบาทที่สำคัญขึ้นเป็นอย่างมาก และด้วยยอดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของกลุ่มการค้าอาเซียน (ASEAN trading group) จึงได้กลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก 

ด้วยโครงการด้านการพัฒนาเมือง และการขยายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในภูมิภาค ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การเปิดตัวงานแสดงสินค้าใหม่อย่าง GIFA and METEC Southeast Asia ที่จัดขึ้นโดยหนึ่งในผู้จัดงานชั้นนำของภูมิภาคอย่างบริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ถือได้ว่าจัดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด และจะยิ่งส่งเสริมการตัดสินใจด้านการลงทุนในภูมิภาค งานแสดงสินค้าทั้ง 2 งานจะจัดขึ้นที่ไบเทค บางนา ในเดือนหน้า ตั้งแต่วันที่ 5-7 ตุลาคม และจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ครอบคลุมที่สุดตั้งแต่การผลิตแบบเพิ่มเนื้อวัสดุ เครื่องจักรการหล่อ อุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการแปรรูป และเทคโนโลยีใหม่ๆสำหรับผู้ใช้งานในอุตสาหกรรม ตั้งแต่ภาคส่วนยานยนต์ อาคารและการก่อสร้าง พลังงานและก๊าซ ไปจนถึงผู้ใช้งานจากโรงงานโลหะและเหล็ก

เกอร์น็อต ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย กล่าวว่า ประเทศไทย มีตลาดที่แข็งแกร่งและยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนยานยนต์ แม้ว่าการฟื้นตัวกลับไปในระดับก่อนวิกฤติอาจต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยอาจกระตุ้นความต้องการที่มีต่อรถยนต์ส่วนบุคคล และการเปลี่ยนไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าจะยังคงดำเนินต่อไป ด้วยเหตุนี้ ตลาดของเทคโนโลยีการหล่อโลหะจึงมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยนะ เช่นเดียวกับเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่อย่างในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่กำลังดำเนินการโครงการใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐานอยู่หลายโครงการ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดียิ่งสำหรับภาคส่วนการผลิต

"ในขณะที่เรากำลังฟื้นตัวจากการระบาดครั้งใหญ่ การเติบโตด้านโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ได้ทำให้เราเห็นถึงโครงการสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ ที่กำลังรอให้ดำเนินการและจะกลายเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทย หลายครั้งที่ลวด ท่อ สายเคเบิล ท่อไปป์ เทคโนโลยีการหล่อ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากเหล็ก มักกลายเป็นฮีโร่ที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง แต่สิ่งเหล่านี้กลับเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งในแทบทุกอุตสาหกรรมไม่ว่าในทางใดทางหนึ่ง" เกอร์น็อต กล่าว

จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นและความจำเป็นในการหาทรัพยากร วัสดุ โซลูชั่น และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ เพื่อขับเคลื่อนโครงการการลงทุนต่างๆ บริษัทฯ จึงได้จัดงาน wire Southeast Asia and Tube Southeast Asia ขึ้นควบคู่กันกับงาน GIFA and METEC Southeast Asia ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกตั้งแต่ปี 2007 ด้วยการผนึกกำลังกันจากทั้ง 4 งาน ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคมที่ไบเทคบางนา งานจะประกอบด้วยการแสดงนวัตกรรมและโซลูชันที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับภาคส่วนลวด สายเคเบิล ท่อ ท่อไปป์ เหล็ก และโลหะ จากหลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตั้งแต่ยานยนต์ อาคารและการก่อสร้าง พลังงานและก๊าซ ไปจนถึงผู้ใช้งานจากโรงงานโลหะและเหล็ก 

งานแสดงสินค้า Wire & Cable, Tube & Pipe และ GIFA and METEC Southeast Asia 2022 จะมีโอกาสได้ต้อนรับผู้ออกงานกว่า 200 บริษัท จาก 30 ประเทศทั่วโลก ที่จะเข้ามาขยายธุรกิจในตลาดเอเชียและอาเซียน งานแสดงสินค้านี้จะสร้างโอกาสให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ แลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติอันเป็นเลิศ และได้ทำธุรกิจกับบริษัทชั้นนำจากทั่วโลก พร้อมทั้งตอกย้ำการเป็นฮับจุดหมายปลายทางของภาคส่วนการผลิต 

เพื่อให้สอดคล้องไปกับแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคอาเซียนในช่วงระยะไม่กี่ปีข้างหน้า ที่ตั้งเป้าการใช้จ่ายจำเป็นไว้ประมาณ 323 ล้านเหรียญสหรัฐ งานแสดงสินค้าทั้ง 4 งานได้จัดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะสร้างแพลตฟอร์มเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งอุตสาหกรรมในการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และสร้างความร่วมมือที่จะก่อให้เกิดการขยายตัวข้ามพรมแดน สร้างความมั่นคงให้แก่บริษัทและองค์กร ค้นพบโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทย และเพื่อสร้างโอกาสให้บริษัทในประเทศได้เติบโตออกไปสู่เวทีโลก 

ลงทะเบียนเข้าชมงานแสดงสินค้าได้แล้ววันนี้ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ metec-southeastasiagifa-southeastasia และ wire-southeastasia