“พิพัฒน์” ปั้นแผนแม่บท “ซอฟต์พาวเวอร์” ตัวเปลี่ยนเกมรายได้ท่องเที่ยวไทย

“พิพัฒน์” ปั้นแผนแม่บท “ซอฟต์พาวเวอร์” ตัวเปลี่ยนเกมรายได้ท่องเที่ยวไทย

“พิพัฒน์” ลุยทำแผนแม่บทส่งเสริม “ซอฟต์พาวเวอร์” ทรงพลัง สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ หวังเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” กระตุ้นรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สั่งตั้งคณะทำงานร่วมกับ “อว.” ศึกษาวิจัยซอฟต์เพาเวอร์ปั้นเงิน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า มีนโยบายจัดทำ "แผนแม่บท" ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงได้สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดตั้งคณะทำงานบูรณาการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฟ้นหาซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังจริงๆ เลือกนำมาต่อยอดสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจ

สอดรับกับวันที่ 19 ส.ค. สำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง “บอร์ดซอฟต์พาวเวอร์” หรือคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศด้วยซอฟต์พาวเวอร์ โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองประธานกรรมการฯ เพื่อขับเคลื่อนจากระดับยุทธศาสตร์สู่ระดับปฏิบัติการ

หลังจากรัฐบาลได้ประกาศส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ 5 หมวด (5F) ได้แก่ อาหาร (Food), ภาพยนตร์ (Film), เทศกาล (Festival), แฟชั่น (Fashion) และการต่อสู้ (Fighting) ซึ่งสามารถแตกแขนงออกเป็นสินค้าและบริการท่องเที่ยวได้มากมาย

"เป้าหมายของแผนแม่บทดังกล่าว คือการเลือกซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลัง มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ สามารถเป็นตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer) ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยได้จริง จึงมอบหมายให้มีการจัดตั้งคณะทำงานศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่ทำแบบมวยวัด เลือกซอฟต์พาวเวอร์อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาโปรโมทโดยไม่มีผลวิจัยรองรับ”

และเมื่อได้ข้อสรุปผลการศึกษาแล้ว จะนำซอฟต์พาวเวอร์มาวางยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการตลาด ขับเคลื่อนรายได้ภาคท่องเที่ยวไทยและภาคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาศัยพื้นฐานแข็งแรงของซอฟต์เพาเวอร์นั้นๆ ว่าเมื่อโปรโมทไปแล้ว คนทั่วโลกรับรู้ว่านี่คือของซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย

ยกตัวอย่างเช่น หากจะโปรโมทมวยไทย ซึ่งปัจจุบันมี บัวขาว บัญชาเมฆ เป็นไอคอนของวงการมวยไทย ก็ต้องมีแผนงานผลักดันและสร้างการเติบโตของมูลค่าตลาดค่ายมวยไทย ให้มีชาวต่างชาติไปเรียนมวยไทยมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันมีจำนวนค่ายมวยไทยในต่างประเทศรวมๆ กันมากกว่าในประเทศไทยแล้ว เฉพาะประเทศจีนมีจำนวนมากเป็นหลักพันค่าย นอกจากนี้จะต้องต่อยอดไปยังสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น มีคนไปซื้อกางเกงมวยมาใส่มากขึ้นด้วย

หรือถ้าจะโปรโมทอาหาร เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง จะมีแผนผลักดันการเติบโตของมูลค่าตลาดข้าวเหนียว กะทิ และมะม่วงเท่าไร ตรงนี้ต้องมีแผนงานชัดเจนเข้ามารองรับ