"ทีเส็บ" เคลื่อนยุทธศาสตร์ B-A-C-K ผนึกพลังรัฐ-เอกชนเร่งฟื้นตลาดไมซ์

เร่งกระตุ้นให้เกิดการจัดงานและกิจกรรมไมซ์ (MICE : การจัดประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยดึงงานไมซ์ระดับโลกเข้ามาจัดในประเทศไทย ขานรับนโยบายรัฐบาลรองรับการเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บ ร่วมบูรณาการความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ภายใต้ 4 แผนหลัก ตามกลยุทธ์ที่เรียกว่า “B-A-C-K” ประกอบด้วย 1.แผนการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ (กลยุทธ์ B : Build Confidences & Trust) เร่งส่งเสริมการสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์ เจาะกลุ่มผู้ประกอบการไมซ์ ทั้งสถานที่จัดงานและผู้จัดงาน 

2.แผนกระตุ้นการจัดงานไมซ์ในประเทศ (กลยุทธ์ A : Accelerate Dream MICE Activity) 3.แผนส่งเสริมภาพลักษณ์และการสื่อสารอุตสาหกรรมไมซ์ (กลยุทธ์ C : Communication and Inspire the World) สร้างการรับรู้อุตสาหกรรมไมซ์ผ่านแบรนด์ “THAILAND MICE” ทั้งการสื่อสารในและต่างประเทศ และ 4.แผนการดึงงานระดับโลกและการเพิ่มจำนวนงานไมซ์ต่างประเทศ (กลยุทธ์ K : Kick off World Events Bidding)

เมื่อเจาะเฉพาะแผนกระตุ้นการจัด “งานไมซ์ในประเทศ” จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการทางภาษีในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 2 เท่าของที่จ่ายจริง ซึ่งบริษัทสามารถนำค่าใช้จ่ายจริงในการจัดอบรมสัมมนาและการจัดนิทรรศการงานแสดงสินค้าภายในประเทศไปลดหย่อนภาษีได้ โดยบริษัทต้องมีการจ่ายจริงตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. - 31 ธ.ค.2565 นั้น

ทีเส็บ เร่งดำเนินการกระตุ้นให้เกิดการจัดงานไมซ์ในประเทศอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย ด้วยการสนับสนุนผ่านแพ็กเกจกระตุ้นการจัดงานไมซ์ทุกประเภท ได้แก่ แพ็กเกจสำหรับงานประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ แพ็กเกจสำหรับงานประชุมวิชาการในประเทศ และแพ็กเกจสำหรับงานแสดงสินค้าภายในประเทศ แบ่งเป็น งานแสดงสินค้าใหม่ (New Show) งานแสดงสินค้าที่มีการยกระดับ (Upgrade Show) และงานแสดงสินค้าระดับภูมิภาคโครงการ Empower Thailand Exhibition (EMTEX) โดยมีเงื่อนไขและเกณฑ์การสนับสนุนตามที่ทีเส็บกำหนด

ทีเส็บคาดการณ์ว่าภายในปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.2564 – ก.ย.2565) จะมีจำนวนนักเดินทางไมซ์ทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 6,130,000 คน คิดเป็นรายได้ 28,400 ล้านบาท หลังจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1-3 (ต.ค.2564 – มิ.ย.2565) มีจำนวนนักเดินทางไมซ์ในและต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 3,446,102 คน สร้างรายได้ 16,344 ล้านบาท

ทางด้าน สุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการทีเส็บ สำนักภาคกลางและตะวันออก กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10-11 ส.ค.ที่ผ่านมา ทีเส็บได้จัดกิจกรรมสำรวจสินค้าและบริการด้านไมซ์ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีวัตถุประสงค์นำกลุ่มเป้าหมาย อาทิ องค์กรหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน หน่วยงานภาคีเครือข่าย สำรวจความพร้อมของพื้นที่จัดกิจกรรมไมซ์ รวมถึงเส้นทางการจัดประชุมสัมมนาใหม่ เพื่อประเมินศักยภาพของสถานที่และกิจกรรมของชุมชน รวมทั้งรูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์และอัตลักษณ์ของเมือง สร้างการรับรู้แก่กลุ่มเป้าหมายและกระตุ้นการตัดสินใจในการเลือกเส้นทาง สถานที่จัดกิจกรรมไมซ์ให้กับองค์กร นำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ภูมิภาคตามเป้าหมายของทีเส็บ

การจัดกิจกรรมสำรวจสินค้าไมซ์ในครั้งนี้ ได้นำกลุ่มเป้าหมายเดินทางไปยังศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี พื้นที่ป่าชายเลนและป่าโกงกางอยู่ใกล้กับชายทะเลปราณบุรี เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ (CSR) นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมโชว์เคสสินค้าและบริการจากชุมชนในท้องถิ่นให้กลุ่มเป้าหมายได้เจรจากับผู้ประกอบการโดยตรง

รวมถึงกิจกรรมเที่ยวชมชุมชนบ้านถ้ำรงค์ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความผูกพันกับต้นตาลโตนดมาหลายชั่วอายุคน เยี่ยมชมสวนตาลลุงถนอม ชมสาธิตการปีนต้นตาล และทำอาหารและขนมหวานที่มีชื่อเสียงของ จ.เพชรบุรี เช่น แกงหัวตาล ขนมหม้อแกง และขนมตาล

สอดรับกับที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ “ยูเนสโก” ได้ประกาศให้ “เพชรบุรี” เป็นหนึ่งในเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร ประจำปี 2564 และเป็นเมืองที่ 5 ของประเทศไทยที่ได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ จากก่อนหน้านี้มี 4 เมือง ได้แก่ จ.ภูเก็ต เมื่อปี 2558, จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2560 และ จ.สุโขทัย กับ กรุงเทพฯ เมื่อปี 2562

ขณะที่ ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า มั่นใจว่าสินค้าและบริการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหมาะกับการดึงนักเดินทางตลาดการจัดประชุมและเดินทางเพื่อเป็นรางวัล เพราะใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯแค่ 3 ชั่วโมง มีตัวเลือกโรงแรมที่พักจำนวนมาก และประหลาดใจอย่างมากว่า จ.เพชรบุรี มีสินค้าท่องเที่ยวชุมชนน่าสนใจ เช่น ชุมชนบ้านถ้ำรงค์

“แม้ในช่วงนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะเผชิญปัญหาเงินเฟ้อ กำลังใช้จ่ายอยู่ในสภาพถดถอย แต่นักเดินทางกลุ่มองค์กร (คอร์ปอเรต) นั้นมีกำลังจ่าย เพราะคนมาไม่ได้จ่าย คนจ่ายไม่ได้มา องค์กรเหล่านี้ต้องการจัดทริปเพื่อให้พนักงานประทับใจ โดยเฉลี่ยใช้จ่ายประมาณ 3,000 บาทต่อวัน”

ช่วงรอยต่อแห่งการเดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ-เศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติโควิด-19 ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชนต้องผนึกพลังร่วมมือร่วมใจอย่างพร้อมเพรียงกัน