"มาคาเลียส" ลุยแพ็คเกจไทยเที่ยวนอก กรองพันธมิตรเข้มสกัด "วอเชอร์ทิพย์"

"มาคาเลียส" ลุยแพ็คเกจไทยเที่ยวนอก  กรองพันธมิตรเข้มสกัด "วอเชอร์ทิพย์"

“มาคาเลียส” (Makalius) ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ โลดแล่นบนถนนสายสตาร์ทอัพมาร่วม 5 ปี นับตั้งแต่เริ่มให้บริการเมื่อปี 2561 ตั้งไข่จากการขายวอเชอร์ท่องเที่ยวด้วยมือแบบซื้อมาขายไป ก่อนติดตั้งระบบหลังบ้านมาช่วยการขายและบริหารจัดการในช่วงกลางปีแรก

หนุนการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีที่ 2 หรือปี 2562 สร้างรายได้ 160 ล้านบาท ทำกำไร 18-20% 

นี่คือพัฒนาการของ “มาคาเลียส” ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ปี 2563 ทุบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพังทั้งระบบ!

ณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท และถือหุ้นใหญ่ 55% เล่าว่า แม้ปี 2563 จะเผชิญโควิด-19 ระบาด ธุรกิจโรงแรมปิดให้บริการ แต่บริษัทปรับตัวทัน! ยังขายวอเชอร์ได้ดี มีรายได้ 150-160 ล้านบาท ทำกำไรระดับ 18-20% ใกล้เคียงปีก่อน หลังเบนเข็มไปขายวอเชอร์ร้านอาหาร และล่องเรือเจ้าพระยา

แต่เมื่อคลื่นยักษ์โควิด-19 สาดซัดเข้าธุรกิจร้านอาหารแบบเต็มๆ ในปี 2564 ต้องปิดให้บริการชั่วคราว ฉุดรายได้ลดลงเท่าตัวเช่นกัน เหลือ 70-80 ล้านบาท บรรทัดสุดท้ายเป็นตัวแดงขาดทุน แต่บริษัทก็รัดกุมเรื่องค่าใช้จ่าย ควบคู่กับการขายวอเชอร์บริการต่างๆ ที่ยังพอเปิดอยู่ซึ่งน้อยมาก

กระทั่งเข้าสู่ปี 2565 ช่วงเดือน ม.ค. เกิดการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” กระทบต่อรายได้ลดลงอย่างมาก แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ยอดขายกระเตื้องตั้งแต่ มี.ค. หลังรัฐผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มการระบาด บวกกับดีมานด์ของนักท่องเที่ยวไทยอัดอั้นมาแสนนาน พฤติกรรมการซื้อวอเชอร์เปลี่ยนจากที่เคย “ซื้อก่อน เที่ยวทีหลัง” มาเป็น “ซื้อแล้ว เที่ยวเลย” มากขึ้น!

“การซื้อวอเชอร์สินค้าท่องเที่ยวของลูกค้าเปลี่ยนไป จากที่เคยซื้อเก็บไว้ มาเป็นซื้อวันนี้ ไปวันนี้หรือสัปดาห์ถัดไปก็มี สะท้อนว่าคนพร้อมออกเที่ยวมากขึ้น และยังมีปัจจัยสนับสนุน เช่น วันหยุดยาว มากระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และหากเกิดเหตุสุดวิสัย ลูกค้าติดโควิดก็ยืดอายุวอเชอร์ไปเที่ยวสัปดาห์ถัดไปแทนหลังหายป่วย โดยมาคาเลียสจะเป็นตัวกลางช่วยประสานระหว่างลูกค้ากับโรงแรม”

นอกเหนือจากการผนึกความร่วมมือกับ “พันธมิตร” ซึ่งปัจจุบันมีราว 300 ราย 70% เป็นโรงแรม อีก 30% เป็นร้านอาหาร ผู้ให้บริการทัวร์ และผู้ประกอบการล่องเรือเจ้าพระยาซึ่งกำลังบูมสุดๆ ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อวอเชอร์ชาวไทยอย่างมาก หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ มาคาเลียส ในปี 2565 ที่ตลาดกำลังฟื้นตัว คือมุ่ง “ขยายฐานลูกค้า” หลังสร้างฐานลูกค้าหลักคนกรุงเทพฯ ด้วยกลยุทธ์คลาสสิก “ปากต่อปาก” สำเร็จ จนมียอดผู้ซื้อสะสมกว่า 4 ปีที่ผ่านมา 2 แสนราย โดยจะเน้นรุกไปในแถบปริมณฑลมากขึ้น

แน่นอนว่าการติดอาวุธทางการตลาดต้องทำทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะ “ออนกราวนด์” (On Ground) แสดงตัวตนตามงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อสร้าง “ความน่าเชื่อถือ” มากยิ่งขึ้น!!

ช่วงที่ผ่านมามีกรณีศึกษาทางการตลาดเรื่อง “วอเชอร์ทิพย์” ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร ทำให้ มาคาเลียส ได้ออกมาตรการป้องกันความเสียหายแก่ลูกค้า ด้วยการ “คัดกรองพันธมิตร” ประเมินธุรกิจและรีวิวบริการของพันธมิตร มีมาตรการชดเชยหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน ผ่าน 3 ทางเลือก ได้แก่ การคืนเงิน มอบเครดิตเงินคืน และอัปเกรดบริการ

“ที่ผ่านมาเราเจอปัญหานี้จากธุรกิจแค่ 1-2 ราย และไม่เคยปล่อยให้ลูกค้าเคว้ง ประกอบกับมีการปรับมาตรการชำระเงินแก่พันธมิตรเป็นจ่ายทุกๆ วันศุกร์หลังลูกค้าเช็กอินโรงแรมหรือใช้บริการ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าได้ใช้บริการจริง ซึ่งถือเป็นทางออก (Solution) ที่ยั่งยืนกว่า”

นอกจากนี้ บริษัทได้รุกขยายโปรดักต์ไลน์ ขาย “แพ็คเกจท่องเที่ยวต่างประเทศ” มากขึ้น เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เริ่มขายแพ็คเกจเที่ยวมัลดีฟส์ เส้นทางที่ลูกค้าทักเข้ามาถามมากที่สุด จึงเสนอขายแพ็คเกจแบบ All Inclusive ราคาเริ่มต้น 13,900 บาทต่อคนสำหรับแพ็คเกจที่เน้นกิจกรรมทางน้ำ เช่น ดำน้ำ พักโรงแรมติดทะเล 4 ดาว แต่ที่ขายดีสุด! คือแพ็คเกจนอนวิลล่ากลางทะเล รวมบุฟเฟต์อาหาร-เครื่องดื่ม และกิจกรรมของโรงแรม

เดือน ต.ค.นี้ จะเสนอขายเส้นทางเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ลาว คาดเริ่มขายแพ็คเกจ “เที่ยวญี่ปุ่น” เส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย และสนใจขายแพ็คเกจเที่ยวยุโรป รวมถึงแพ็คเกจดูบอลโลกที่ประเทศกาตาร์ในปลายปีนี้ด้วย

“กระแสการท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทยน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นกลับมาบูมอีกครั้งไตรมาส 4 นี้ บริษัทจึงรุกขยายโปรดักต์ไลน์แพ็คเกจเที่ยวต่างประเทศ คาดปีนี้ทำรายได้ 130 ล้านบาท ใช้งบทำการตลาด 40-50% ของรายได้ หรือ 65 ล้านบาท กำไร 18-20% สร้างแรงส่งที่ดีไปถึงปี 2566 ซึ่งตั้งเป้าทำรายได้แตะ 200 ล้านบาท มาจากการขายแพ็คเกจเที่ยวต่างประเทศ 20% อีก 80% จากแพ็คเกจเที่ยวในประเทศ”