‘อยู่วิทยา’ ปั้น ‘แรพพิด กรุ๊ป‘ วางเป้าขึ้นแท่น ฟินเทคระดับโลก

‘อยู่วิทยา’ ปั้น ‘แรพพิด กรุ๊ป‘ วางเป้าขึ้นแท่น ฟินเทคระดับโลก

“แรพพิด  กรุ๊ป” ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำบริการเทคโนโลยีการเงินระดับโลก เปิดตัว 5 บริษัทใหม่ แห่งอนาคต รุกปล่อยสินเชื่อ-ขายประกัน บนแฟลตฟอร์มดิจิทัล เล็งเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็กหรือตลาดหุ้นฮ่องกงภายในปี 73

นายเดิมพัน อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท แรพพิด กรุ๊ป หรือ Rapid Group ซึ่งเป็นบริษัท ฟินเทค (Fin Tech)  เปิดเผยว่า  การก่อตั้ง แรพพิด กรุ๊ป นั้นเป็นส่วนหนึ่งจากการที่คลุกคลี กับวงการรถยนต์มือสอง ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวมาก่อน จึงเห็นว่าเรามีปัญหาตรงไหนบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการให้บริการทางการเงินที่ยังมีช่องว่าง ทั้งกลุ่มที่เข้าถึงเงินทุน และเข้าไม่ถึงเงินทุน 

ดังนั้นจึงตัดสินใจก่อตั้ง แรพพิด กรุ๊ป ขึ้นมา ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำทางการพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีทางการเงินของไทย ,เอเชียและของโลก ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อยกระดับการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น 

“เราเชื่อว่า จะสามารถอุดช่องว่างนี้ ได้ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อยกระดับการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจใหม่ หรือ ดิจิทัลอีโคโนมี โดยการยกระดับการให้บริการทางการเงิน และปรับกระบวนการให้บริการให้อยู่บนแฟลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจร เพื่อลดความผิดพลาดที่เกิดจากแรงงานคนและให้ได้ประสิทธิผล ที่เป็นเลิศใน 4 ด้าน คือ Faster,Better,Cheaperและ Smater”   

นายเดิมพัน กล่าวว่า  บริษัทวางเป้าหมายมีแผนนำ แรพพิด กรุ๊ป  เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมตัว  และยังมาพร้อมเป้าหมายใหญ่  คือ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็ก NASDAQ หรือ ตลาดหุ้นฮ่องกง ( HKEX) ภายในปี 2573  ต่อไป 

สำหรับ “แรพพิด กรุ๊ป”  มีบริษัทในเครือทั้งหมด 5 บริษัท โดยบริษัทแรก คือ แรพพิด แคปิตอล (Rapid Capital)  ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน ที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)  ได้เปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 13 เม.ย.2563

โดยในระยะถัดไปเราจะทยอยเปิดตัวอีก 4 บริษัท ได้แก่ 1. แรพพิด ไลฟ์ (Rapid Life)  แพลตฟอร์มให้บริการขายประกันชีวิต ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เตรียมให้บริการไตรมาส 3 ปี 2565 ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับรวม 3 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2568) ที่ 3,000 ล้านบาท 

 2.แรพพิด ฟินเทค (Rapid FinTech)  ให้บริการสินเชื่อโดยมุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีที่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ  เช่น โดรน โซล่าร์รูฟ และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) คาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2566 

3. แรพพิด มอเตอร์ส (Rapid Motors) ให้บริการครบวงจร ตั้งแต่แพลตฟอร์มดิจิทัลในการนัดซื้อ-ขาย บริการตรวจสอบสภาพรถยนต์ รวมถึงบริการด้านสินเชื่ออนุมัติทันที คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2566

และ 4.แรพพิด อีวี (Rapid EV) ให้บริการเปลี่ยนรถยนต์จากระบบเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นระบบไฟฟ้าแห่งแรกของโลก ที่ดำเนินการในระดับ Mega Factory ที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการแปลงรถสันดาป เป็นรถไฟฟ้าภายใน 72 ชั่วโมงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน และเพิ่มมูลค่าให้กับรถมือสองในระยะยาวอย่างยั่งยืน คาดว่า จะเปิดให้บริการไตรมาส 2 ปี 2567  

นายเดิมพัน กล่าวว่า สำหรับ “แรพพิด แคปิตอล”  ซึ่งเปิดตัวเป็นบริษัทแรก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ สามารถสร้างกำไรได้ทันทีตั้งแต่เริ่มให้บริการ มีการเติบโตกว่า 300% ในปีที่ผ่านมา และปัจจุบันนี้มีอัตราหนี้เสียต่ำกว่า 1%    

โดยในปีนี้บริษัทยังเป้าเติบโต 30% ทั้งจำนวนสัญญาอยู่ที่  3,250 สัญญา  และมีมูลค่าสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 1,650 ล้านบาท   จากปี 2564 มีสัญญาลูกค้าใหม่ทั้งหมด 2,500 สัญญา และมีมูลค่าสินเชื่อใหม่กว่า 1,200 ล้านบาท 

สำหรับ แรพพิด แคปิตอล  จะเป็นธุรกิจเรือธงของบริษัท ดังนั้นเรามุ่งเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มให้มีความสมบูรณ์  เพื่อที่จะรองรับการขยายสินเชื่อสัญญาใหม่ให้ได้ตามเป้าหมายตั้งไว้ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2570  ที่จะมีจำนวนสัญญาใหม่ 250,000 สัญญา มูลค่าสินเชื่อทะลุ 30,000 ล้านบาท มีกำไร 4,200 ล้านบาท และมีรายได้ 6,200 ล้านบาท  จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีกำไร 45 ล้านบาท และมีรายได้  70 ล้านบาท  มีเงินลงทุน 300 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 90% ไว้รองรับการปล่อยสินเชื่อ 

“ครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ มีสินเชื่อสัญญาใหม่เข้ามาสูงถึง 1,800 สัญญาแล้ว ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงปี 2564 และมั่นใจว่ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” 

สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ แรพพิด แคปิตอล มาจากเรามีจุดเด่น ในการให้บริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งขาเข้า (มากู้) และขาออก (มารับทะเบียนรถคืน) คือเราเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในไทยที่ดำเนินการทุกขั้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปรถ ถ่ายรูปลูกค้า เสียบบัตรประชาชนเข้าไอแพด ยิง OTP แล้วให้ลูกค้าเซ็นต์บนไอแพดก็เสร็จเรียบร้อย ลูกค้าสามารถรับเงินได้ทันที 

ขณะเดียวกันตลาดรถยนต์มือสองเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเจน อย่างเช่น ในปีที่ผ่านมา แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด แต่กลับทำให้เกิดความต้องการรถยนต์ส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และยังเติบโตต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้า จากข้อมูลการตลาดของแรพพิด แคปปิตอล  คาดว่าปริมาณการซื้อขายรถยนต์มือสองน่าจะมีถึง 2.5 ล้านคันต่อปี ในปี 2570 รวมการซื้อขายซ้ำต่อคัน 

โดยสอดคล้องกับศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ายอดขายในตลาดรถยนต์มือสองปี 2565 จะเติบโตได้ 3-5% หรือคิดเป็นปริมาณการซื้อขายรถยนต์มือสองราว 600,000-700,000 คัน ทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อรถยนต์มือสอง มีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 5-7% หรือประมาณ 300,000 ล้านบาท